คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยผู้เป็นนายจ้างของ จ. ผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์เสียหาย ในการพิจารณาโจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนคดีที่ จ. ต้องหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนขับรถของโจทก์ตาย ศาลหมายเรียกจากพนักงานอัยการพนักงานอัยการชี้แจงว่าคดีนั้นอยู่ในระหว่างสั่งจับผู้ต้องหาย่อมเป็นเอกสารลับในทางราชการ อันไม่ควรเปิดเผย และหากจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว พนักงานอัยการก็ไม่มีสำนวนใช้ในการดำเนินคดี จึงไม่อาจส่งสำนวนตามหมายเรียกได้เมื่อศาลเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นเป็นหลักฐานที่ศาลจะต้องใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรม ศาลย่อมไม่ฟังคำปฏิเสธของพนักงานอัยการและสั่งให้ส่งสำเนาสำนวนการสอบสวนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายแจ่ม นามกร ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ โดยประมาท ชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์ที่ ๑เสียหาย นายสุวรรณคนขับถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ ๒ ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าซ่อมแซมรถให้จำเลยที่ ๑ ไป ๒๔,๙๔๖ บาท จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธความรับผิด
ในการพิจารณาโจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนคดีนายแจ่ม นามกร ต้องหาว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้นายสุวรรณหรือเป๋าถึงแก่ความตายจากพนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์หมายเรียกให้พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ส่งสำนวนนั้นต่อศาลพนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีหนังสือแจ้งมาว่า เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีได้สั่งจับภายในอายุความ ๑๕ ปี จึงถือเป็นความลับและขัดข้องในการส่งพยานเอกสาร และศาลได้สอบพนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ยืนยันว่าคดีอยู่ในระหว่างสั่งจับ ย่อมเป็นเอกสารลับในทางราชการอันไม่ควรเปิดเผยในระหว่างดำเนินคดีประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งหากจับตัวผู้ต้องหาได้แล้วพนักงานอัยการก็ไม่มีสำนวนใช้ในการดำเนินคดี จึงไม่อาจส่งได้
ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เห็นว่า สำนวนการสอบสวนไม่เป็นหนังสือราชการหรือข้อความลับอันเกี่ยวกับงานของแผ่นดินซึ่งโดยสภาพจะต้องรักษาเป็นความลับไว้ชั่วคราว หรือตลอดไปตามกฎหมาย พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลที่สั่งให้ส่งพยานเอกสารดังกล่าว จึงมีคำสั่งให้ส่งสำเนาการสอบสวนต่อศาลภายในกำหนด ๑๕ วัน
พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะอ้างว่าคดีอยู่ในระหว่างสั่งจับ ย่อมเป็นเอกสารในทางราชการอันไม่ควรเปิดเผยก็ดี แต่ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะวินิจฉัยว่าการปฏิเสธนั้นชอบด้วยเหตุผลหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า มูลละเมิดในคดีนี้สืบเนื่องมาจากนายแจ่มขับรถยนต์ชนกับรถที่นายสุวรรณเป็นผู้ขับ ทำให้นายสุวรรณถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานตามสำนวนการสอบสวนจึงเป็นหลักฐานที่ศาลจะพึงต้องใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดได้ดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรม ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีคำสั่งให้ส่งสำเนาสำนวนการสอบสวนชอบแล้ว พิพากษายืน
พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๒ วรรคท้าย ให้อำนาจศาลที่จะวินิจฉัยว่าข้ออ้างของพนักงานอัยการที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งสำนวนการสอบสวนต่อศาลนั้น ชอบด้วยเหตุผลหรือไม่ และเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ฟังคำปฏิเสธนั้นเป็นการชอบด้วยเหตุผลแล้ว
พิพากษายืน

Share