แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่จำเลยปิดราคา 55 บาท ลงบนกระป๋องน้ำมันหล่อลื่นซึ่งเป็นสินค้าควบคุมทับราคาควบคุม 52 บาท ให้ไม่ปรากฏ อันเป็นความผิดฐานปิดทับราคาที่พิมพ์ไว้ตามกฎหมายที่สินค้าควบคุมให้ไม่ปรากฏก็เพราะจำเลยมีจุดประสงค์ที่จะจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นดังกล่าวในราคากระป๋องละ 55 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาควบคุม อันเป็นความผิดฐานจำหน่ายสินค้าให้สูงกว่าราคาที่พิมพ์ไว้ตามกฎหมายที่สินค้าควบคุม ดังนั้น เมื่อจำเลยจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นกระป๋องนั้นในราคา 55 บาท ก็เป็นการกระทำที่ทำให้จำเลยบรรลุจุดประสงค์ดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาและจุดมุ่งหมายอันเดียวกันและต่อเนื่องกัน ทั้งเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 88 พ.ศ. 2528 ฉบับเดียวกัน และมีบทลงโทษตามกฎหมายบทเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวและผิดกฎหมายบทเดียว ความผิดของจำเลยอยู่ที่การฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 88 พ.ศ. 2528น้ำมันหล่อลื่นที่จำเลยได้จำหน่ายไปมิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 มาตรา 8, 23, 24, 25, 27, 40,43 ประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดฉบับที่ 71 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 เรื่อง การกำหนดสินค้าและควบคุม ประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 88 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 เรื่อง กำหนดมาตรการในการจำหน่ายสินค้าควบคุม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91ริบน้ำมันหล่อลื่นของกลาง คืนเงินทอน 5 บาทแก่จำเลยทั้งสอง และคืนธนบัตร 60 บาทของกลางแก่เจ้าของ และจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้จับตามกฎหมาย จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 มาตรา 8, 23, 24, 25, 27, 40, 43 ประกาศคณะกรรมการกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 71 ลงวันที่7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 เรื่อง การกำหนดสินค้าและควบคุม ประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 88ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 เรื่อง กำหนดมาตราการในการจำหน่ายสินค้าควบคุม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 (ที่ถูกไม่ต้องระบุมาตรา 91) ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 4,000 บาท จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 4,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับจำเลยที่ 1จำนวน 2,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 3 เดือน และปรับ 2,000 บาทโทษจำคุกจำเลยที่ 2 เห็นสมควรรอไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ในกรณีที่จำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบน้ำมันหล่อลื่นของกลางคืนเงินทอน5 บาท แก่จำเลย คืนธนบัตร 60 บาท ของกลางแก่เจ้าของและจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้จับตามกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม คือจำเลยกระทำผิดฐานปิดทับราคาที่พิมพ์ไว้ตามกฎหมายที่สินค้าควบคุมให้ไม่ปรากฏกระทงหนึ่งแล้วจำเลยกระทำผิดฐานจำหน่ายสินค้าให้สูงกว่าราคาที่พิมพ์ไว้ตามกฎหมายที่สินค้าควบคุมอีกกระทงหนึ่งนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่จำเลยปิดทับราคาที่พิมพ์ไว้ตามกฎหมายที่สินค้าควบคุมให้ไม่ปรากฏคือจำเลยปิดราคา 55 บาท ทับราคาควบคุม 52 บาท ลงบนกระป๋องบรรจุน้ำมันหล่อลื่นนั้น ก็เพราะจำเลยมีจุดประสงค์ที่จะจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นดังกล่าวในราคากระป๋องละ 55 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาควบคุม ดังนั้นเมื่อจำเลยจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นกระป๋องนั้นในราคา 55 บาทก็เป็นการกระทำที่ทำให้จำเลยบรรลุจุดประสงค์ดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาและจุดมุ่งหมายอันเดียวกันและต่อเนื่องกัน ทั้งการกระทำของจำเลยทั้งสองประการดังกล่าวยังเป็นการฝ่าฝืนประกาศฉบับเดียวกัน คือประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 88 พ.ศ. 2528 เรื่อง กำหนดมาตรการในการจำหน่ายสินค้าควบคุม ข้อ 11 และข้อ 12 นอกจากนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองประการดังกล่าวยังมีบทลงโทษบทเดียวกันคือพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 มาตรา 43 อีกด้วยการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวและผิดกฎหมายบทเดียวหาใช่เป็นการกระทำผิด 2 กระทงดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ริบน้ำมันหล่อลื่นของกลางตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะเห็นได้ชัดว่า ความผิดของจำเลยในคดีนี้อยู่ที่การฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการกลางตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว น้ำมันหล่อลื่นที่จำเลยได้จำหน่ายไปมิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา33(1) แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาแต่ปัญหาเรื่องริบของกลางนี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบน้ำมันหล่อลื่นของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์