คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินมือเปล่าจากการขายทอดตลาดของศาลเมื่อพ.ศ.2492 โดยโจทก์มิได้เข้าครอบครองเลย โจทก์เคยถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่พิพาทดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องคดีถึงที่สุดเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2497 ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน 2499 โจทก์มาฟ้องว่าระหว่างพ.ศ.2492 ถึง 2499 จำเลยทั้งสามบุกรุกเข้าทำนาในที่พิพาท ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้เรื่องอายุความ เช่น นี้ถือว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ไม่ฟ้องคดีเสียภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายได้
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น โจทก์จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ว่า ชอบที่จะร้องได้ภายใน 10 ปี หาได้ไม่ เพราะมาตรา 271 เป็นบทบัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องในคดีก่อนและศาลยกฟ้องไปนั้น มิได้ทำให้โจทก์มีสิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเหนือจำเลยในคดีนี้อย่างใด กรณีไม่เข้าบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่นาจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2492 ระหว่างตั้งแต่ พ.ศ. 2492 ถึง2499 จำเลยได้บุกรุกเข้าทำนาแปลงนี้ทั้งแปลง จึงขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดสำหรับ พ.ศ. 2498 เป็นเงิน 12,160 บาท กับค่าเสียหายเป็นรายปีต่อไปจนกว่าจำเลยจะออกจากที่นาโจทก์

จำเลยต่อสู้ในข้อสำคัญว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โจทก์ไม่ฟ้องเอาคืนภายใน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครอง คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คู่ความรับกันว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ในคดีแพ่งแดงที่ 35/2496 ห้างหุ้นส่วนสยามกสิกร กับนายเจียมจำเลยที่ 1 ฟ้องนายผลโจทก์ในคดีนี้อ้างว่าที่พิพาทเป็นของตน ได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว การกระทำของนายผลโจทก์กับนายจำลองเป็นการสมยอมเพื่อฉ้อห้างหุ้นส่วนสยามกสิกรและนายเจียมจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่พิพาทรายนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า เชื่อว่าที่พิพาทเป็นของนายจำลองครอบครองทำประโยชน์มาช้านานแล้ว นายผลโจทก์ซื้อที่พิพาทไปจากการขายทอดตลาดโดยชอบ ให้ยกฟ้อง ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2497 คดีถึงที่สุดเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์เพิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2499 คดีโจทก์ขาดอายุความในการเรียกคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ส่วนค่าเสียหายฐานละเมิด ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2498 ถึง วันที่ 29 ธันวาคม 2498 โจทก์ยังไม่ขาดสิทธิการครอบครอง และยังอยู่ในอายุความ 1 ปี จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ซึ่งศาลเห็นสมควรคิดคำนวณเอาตามเกณฑ์ค่าเช่า พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 1,330 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย คำขอนอกนี้ให้ยก

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้จะพิจารณาตามฟ้องของโจทก์ว่า ในปีพ.ศ. 2498 จำเลยเข้าทำนาในที่พิพาท ก็ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์เพราะเมื่อสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินในส่วนที่เป็นประธานคืนขาดอายุความแล้ว สิทธิเรียกร้องเอาค่าละเมิดในที่ดินอันเป็นส่วนอุปกรณ์ก็ขาดอายุความไปด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 190 โจทก์เรียกค่าเสียหายระหว่างนั้นไม่ได้ พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นในข้อที่ว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ เป็นว่า ให้ยกเสียนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่รายพิพาทตามคำพิพากษาโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองเหนือที่รายพิพาทเนื่องจากการซื้อขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ก็จริง แต่ปรากฏว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ เมื่อฟ้องโจทก์ระบุว่าจำเลยได้บุกรุกหรือแย่งการครอบครองมาแต่ พ.ศ. 2492 โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องคดีเสียภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แต่ปรากฏว่า แม้ถึงจะนับตั้งแต่วันที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีแพ่งแดงที่ 35/2496 ให้โจทก์ฟัง คือวันที่ 23 พ.ย. 2497 โจทก์ก็เพิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2499 คดีโจทก์ขาดอายุความตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว

ส่วนที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า มีสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ว่า ชอบที่จะร้องได้ภายใน 10 ปีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า มาตราดังกล่าวเป็นบทบัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ถูกฟ้องในคดีแพ่งแดงที่ 35/2496 และศาลยกฟ้องไปนั้น มิได้ทำให้โจทก์มีสิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเหนือจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้อย่างใดกรณีจึงไม่เข้าบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ดังที่โจทก์ฎีกา

ส่วนข้อที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยทั้งสองนี้ได้ทำนายรายพิพาทมาแต่ พ.ศ. 2492 เมื่อโจทก์ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดแล้วโจทก์มิได้ดำเนินการฟ้องจำเลยที่ 2-3 เพิ่งมาฟ้องเมื่อขาดอายุความดังกล่าวข้างต้น เมื่อสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินอันโจทก์เป็นสิทธิประธานขาดอายุความแล้ว ก็ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยได้เข้าทำนาในระหว่างนั้นต่อไป

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share