คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยิงปืนเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยจำเลยทราบว่ามีคนอยู่ในบ้านนั้น กระสุนปืนอาจจะถูกผู้เสียหายและพวกซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ และกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงได้ทะลุบ้านผู้เสียหายไปถูกผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนสั้นยิงทำร้ายร่างกายพันตำรวจโทธวัชชัย พิทักษ์ กับพวก รวม 7 นัด โดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล โดยกระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่ถูกพันตำรวจโทธวัชชัย กับพวก แต่ไปถูกพลตำรวจสมัครสุระศิลป์ในที่ไม่สำคัญ พลตำรวจสมัครสุระศิลป์ จึงเพียงได้รับอันตรายแก่กาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงดังกล่าวเป็นการยิงปืนในเมืองในหมู่บ้าน โดยใช่เหตุ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 376

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 376 แต่ให้ลงโทษจำเลยในบทหนัก ตามมาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลย 10 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีของโจทก์ยังเป็นที่สงสัย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยยิงปืนเข้าไปในบ้านของพันตำรวจโทธวัชชัย โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่ามีคนอยู่ในบ้านนั้น กระสุนปืนอาจจะถูกผู้เสียหายและพวกซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ และกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงได้ทะลุบ้านผู้เสียหายไปถูกพลตำรวจสมัครสุระศิลป์ จันทร์คามคำ ซึ่งอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share