คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ซึ่งต้องระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340 ตรี ตามที่เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 15 นั้น ในเบื้องแรกต้องพิจารณาเสียก่อนว่าการชิงทรัพย์นั้นเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามวรรคใดของมาตรา 339 แล้วจึงเพิ่มระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคนั้น ๆ อีกกึ่งหนึ่งเป็นระวางโทษตามมาตรา 340 ตรี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก ๑ คนได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนจี้บังคับขู่เข็ญนายประศิลป์ หรือประสิน ชาลี ให้ยื่นนาฬิกาข้อมือ ๑ เรือนให้จำเลย อันเป็นการชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธปืน และเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะในอนุมาตราแห่งมาตรา ๓๓๕ ประมวลกฎหมายอาญา ก่อนคดีนี้จำเลยเคยถูกศาลลงโทษจำคุก ๖ เดือน พ้นโทษแล้วภายใน ๕ ปี จำเลยมากระทำผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ ประกอบมาตรา ๓๓๕,๓๔๐ ตรี, ๙๒,๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๔,๑๕
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อเมื่อโจทก์สืบพยานไปหมดแล้วจึงให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกับพวกชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธในเวลากลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสอง และเมื่ออาวุธที่จำเลยใช้เป็นอาวุธปืนซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา ๓๔๐ ตรีด้วย จึงให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๔๐ ตรี การคำนวณโทษที่กฎหมายให้ระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง ต้องคิดเพิ่มจากมาตรา ๓๓๙ วรรคแรก ให้จำคุกจำเลย ๘ ปี เพิ่มโทษอีกหนึ่งในสามตามมาตรา ๙๒ เป็นจำคุก ๑๐ ปี ๘ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๕ ปี ๔ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ว่า การคิดคำนวณต้องคิดจากโทษตามมาตรา ๓๓๙ วรรคสอง มิใช่คิดจากมาตรา ๓๓๙ วรรคแรก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสอง ๘๓ ประกอบด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี ให้จำคุก ๑๕ ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามมาตรา ๙๒ เป็นจำคุก ๒๐ ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาในชั้นนี้มีว่า ที่ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษหนักขึ้นกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ตรีนั้น จะคิดเพิ่มจากโทษตามมาตรา ๓๓๙ วรรคแรกหรือวรรคสอง เห็นว่า ในเบื้องแรกต้องพิจารณาเสียก่อนว่าการชิงทรัพย์นั้นเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามวรรคใดของมาตรา ๓๓๙ แล้วจึงเพิ่มระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคนั้น ๆ อีกกึ่งหนึ่ง เป็นระวางโทษตามมาตรา ๓๔๐ ตรี ซึ่งเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๕ เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำการชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและมีพวก จึงเป็นความผิดตามมาตรา ๓๓๙ วรรคสอง และเมื่ออาวุธนั้นเป็นอาวุธปืน ซึ่งจำเลยเป็นผู้มีและใช้ การกระทำผิดของจำเลยจึงต้องด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๓๙ วรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๔ อีกกึ่งหนึ่ง ตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นจึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share