แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่านายจรัสเป็นทนายจำเลยที่ 3 จึงมีอำนาจเรียกฟ้องฎีกาให้เฉพาะจำเลยที่ 3 เท่านั้น ไม่มีอำนาจเรียงฎีกาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย รับเป็นฎีกาของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 และที่ 2 เห็นว่า ตามกฎหมายทนายความ และตัวความมีอำนาจเรียงคำคู่ความได้และฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็มีจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อ ในช่องฎีกา โดยมีนายจรัสอุราสุขทนายความลงชื่อเป็นผู้เรียงฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งสามจึงชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 73) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสาม เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 62) จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 66 แผ่นที่ 6)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ได้ความว่าขณะที่จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาซึ่งมีนายจรัสอุราสุข ลงชื่อเป็นผู้เรียงคำฟ้องฎีกานายจรัสได้จดทะเบียนและได้รับอนุญาตให้เป็นทนายความจึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 33และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67(5) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ชอบ ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ดำเนินการต่อไป