แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บ. ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ร. ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยตามหนังสือมอบอำนาจโดยไม่ได้ระบุว่า บ. เกี่ยวข้องกับโจทก์ร่วมอย่างไร และไม่มีข้อความว่า บ. กระทำในนามโจทก์ร่วม อีกทั้งไม่ปรากฏรอยตราของโจทก์ร่วม จึงไม่อาจแปลเจตนาได้ว่า บ. ทำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวในนามโจทก์ร่วม ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ร่วมไม่ได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อความผิดฐานยักยอกเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่โจทก์ร่วมไม่ได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนและโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120 ประกอบมาตรา 121 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยคืนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 7841 ถึง 7895 เลขที่ 7909 ถึง 7945 เลขที่ 7984 ถึง 8030 และ เลขที่ 7946 ถึง 7983 ตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 25,384,615 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทแกรนด์ แทมารีนด์ จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 6 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมาย รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และโจทก์ร่วมอุทธรณ์โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ร่วมมีนางสาวบุญญรัตน์ และจำเลย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนตามหนังสือรับรอง จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 7841 ถึง 7895 เลขที่ 7909 ถึง 7945 เลขที่ 7984 ถึง 8030 และเลขที่ 7946 ถึง 7983 ตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ รวม 177 แปลง ต่อมาจำเลยขายที่ดินทุกแปลงดังกล่าวให้แก่นางซ่งจู หลังจากนั้นนางสาวบุญญรัตน์มอบอำนาจให้นายรณภพ ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย ตามหนังสือมอบอำนาจ วันถัดมานายรณภพร้องทุกข์ขอให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบึงสามพันดำเนินคดีแก่จำเลย โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่ดินทุกแปลงดังกล่าว ส่วนจำเลยเป็นแต่เพียงมีชื่อเป็นเจ้าของแทนโจทก์ร่วม เมื่อนางสาวบุญญรัตน์ทราบว่าจำเลยขายที่ดินทุกแปลงดังกล่าวให้แก่นางซ่งจู แต่ไม่นำเงินที่ได้ไปมอบให้แก่โจทก์ร่วมแล้วจึงมอบอำนาจให้นายรณภพร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย ตามบันทึกคำให้การของผู้กล่าวหา
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ร่วมในข้อแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า นางสาวบุญญรัตน์ ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายรณภพ ค้าสุวรรณ ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย ตามหนังสือมอบอำนาจ โดยไม่ได้ระบุว่านางสาวบุญญรัตน์เกี่ยวข้องกับโจทก์ร่วมอย่างไร และไม่มีข้อความว่านางสาวบุญญรัตน์กระทำในนามโจทก์ร่วม อีกทั้งไม่ปรากฏรอยตราของโจทก์ร่วม จึงไม่อาจแปลเจตนาได้ว่านางสาวบุญญรัตน์ทำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวในนามโจทก์ร่วม ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ร่วมไม่ได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อความผิดฐานยักยอกเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่โจทก์ร่วมไม่ได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน และโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ประกอบมาตรา 121 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นถูกต้องแล้ว ฎีกาโจทก์ร่วมในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาโจทก์ร่วมในข้อต่อไปที่ว่า คดีขาดอายุความแล้วหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 เปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน