แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจได้ขอความยินยอมจาก น. มารดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุก่อนทำการค้น แสดงว่าการค้นกระทำขึ้นโดยอาศัยอำนาจความยินยอมของน. แม้การค้นจะกระทำโดยไม่มีหมายค้นที่ออกโดยศาลอนุญาตให้ค้นได้ ก็หาได้เป็นการค้นโดยมิชอบไม่ นอกจากนี้ก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินการค้นได้เห็นจำเลยซึ่งอยู่ในห้องนอนโยนเมทแอมเฟตามีนออกไปนอกหน้าต่าง อันเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยกำลังกระทำความผิด ซึ่งหน้าและได้กระทำลงในที่รโหฐาน เจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(1),92(2) เมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จึงนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2542 เวลากลางวันจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 80 เม็ด น้ำหนัก 7.20 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเหตุเกิดที่ตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 67, 91, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 จำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 10 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาหรือไม่จำเลยฎีกาว่า การค้นของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นไป โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจมิได้นำหมายค้นที่ออกโดยศาลมาแสดงก่อนที่จะเข้าทำการค้น โดยพันตำรวจเอกประภัทร์ บุญญลักษณ์ เพียงแต่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดก่อนเข้าทำการค้นเท่านั้น พยานหลักฐานที่ได้มาจากการค้นจึงไม่อาจนำมารับฟังลงโทษจำเลยได้ ในปัญหานี้ได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกประจักษ์และนายดาบตำรวจจารึกพยานโจทก์ว่า เจ้าพนักงานตำรวจสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ที่บ้านเลขที่ 5/1 หมู่ที่ 3 ตำบลบางกระสั้นอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ในวันเกิดเหตุพยานทั้งสองพร้อมด้วยพันตำรวจเอกประภัทร์กับพวกได้เดินทางไปที่บ้านดังกล่าวพบนางพรพิมลมารดาจำเลยซึ่งแจ้งว่าเป็นเจ้าของบ้าน พันตำรวจเอกประภัทร์จึงแสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแก่นางพรพิมลและขอตรวจค้น นางพรพิมลยินยอมให้ค้นได้ ขณะขึ้นไปบนบ้านที่เกิดเหตุนายดาบตำรวจจารึกเห็นจำเลยหยิบสิ่งของออกมาจากใต้เตียงและโยนไปนอกหน้าต่างจึงมาตรวจสอบดูพบว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวน 80 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก 4 ใบ เห็นว่า การค้นบ้านที่เกิดเหตุนั้นแม้เจ้าพนักงานตำรวจผู้ทำการค้นจะได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแก่นางพรพิมลก่อนก็ตาม แต่ก่อนที่จะดำเนินการค้นก็ได้ขอความยินยอมจากนางพรพิมลเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุก่อนซึ่งแสดงว่าการค้นดังกล่าวกระทำขึ้นโดยอาศัยอำนาจความยินยอมของนางพรพิมลมารดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจได้ขู่เข็ญหรือหลอกลวงให้นางพรพิมลให้ความยินยอมในการค้นแต่ประการใด แม้การค้นดังกล่าวจะกระทำลงโดยไม่มีหมายค้นที่ออกโดยศาลอนุญาตให้ค้นได้ก็หาได้เป็นการค้นโดยมิชอบแต่อย่างใดไม่ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความด้วยว่า ก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินการค้นนั้นได้เห็นจำเลยซึ่งอยู่ในห้องนอนโยนสิ่งของออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อไปตรวจสอบดูก็พบเมทแอมเฟตามีนอันเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยกำลังกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดซึ่งหน้าและได้กระทำลงในที่รโหฐานเจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(1), 92(2) เมทแอมเฟตามีนจำนวน 80 เม็ด ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จึงนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยได้ข้อเท็จจริงจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 80 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 57, 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่), 91 (ที่แก้ไขใหม่) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1