คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การที่มารดาโจทก์ตกลงยอมรับส่วนแบ่งมรดกเป็นเงินแทนโจทก์ และยอมให้ทรัพย์อื่นเป็นของทายาทอื่น ๆ โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ทำให้ข้อตกลงไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยได้ครอบครองทรัพย์พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมาแต่ผู้เดียว โจทก์โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมจะต้องฟ้องเสียภายในอายุความ 1 ปี โจทก์มาฟ้องเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง 2 ปีเศษแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นทายาทโดยธรรมของนายไล้ผู้ตาย โจทก์จำเลยได้ตกลงกันที่อำเภอขอรับมรดกร่วมกันโดยให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดกแทนโจทก์และจะแบ่งกันเมื่อโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วต่อมาจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ได้สมคบกันฉ้อฉลมรดกดังกล่าว โดยจำเลยที่ ๑ ได้ตกลงขายนามรดกให้แก่จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ และ ๔ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ยอมรับจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายโดยไม่สุจริต และจำเลยที่ ๑ ได้ขายยุ้งข้าวให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย ขอให้ศาลพิพากษาว่าการซื้อขายนามรดกนั้นเป็นโมฆะกำจัดมิให้จำเลยที่ ๑ ได้รับมรดก และให้จำเลยที่ ๑ คืนเงินค่ายุ้งข้าว
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าโจทก์มิได้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายไล้ โจทก์ไม่ได้ครอบครองมรดกร่วมกับจำเลย จำเลยได้ขอรับมรดกนายไล้แต่ผู้เดียว และโจทก์ได้รับเงินสดไปแล้วโดยรับว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมรดกรายนี้ จำเลยขายนาพิพาทและยุ้งข้าวไปโดยสุจริต ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว
จำเลยที่ ๓ และ ๔ ให้การว่ามิได้สมรู้ในการขายนาพิพาท จำเลยปฏิบัติราชการไปโดยสุจริต
ระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๓ และ ๔ ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์เป็นทายาทของนายไล้ มรดกได้แบ่งปันกันเสร็จสิ้นไปแล้ว โดยนางเจิมมารดาผู้แทนโจทก์ยอมรับเอาเงินไป การแบ่งปันมรดกชอบด้วยกฎหมายและผูกพันโจทก์ผู้เยาว์ จำเลยขายนาพิพาทและยุ้งข้าวไปโดยสุจริต ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องอายุความ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น และว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครองมรดกร่วมกับจำเลย โจทก์ฟ้องเมื่อเวลาล่วงพ้นมา ๒ ปีแล้ว คดีจึงขาดอายุความ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ เข้าครอบครองทรัพย์มรดกด้วยความยินยอมของมารดาผู้แทนโจทก์มาโดยชอบด้วยกฎหมายแต่ผู้เดียว ไม่ได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ โจทก์ไม่ได้อาศัยอยู่ในทรัพย์ที่พิพาท แม้การที่มารดาโจทก์ตกลงยอมรับส่วนแบ่งมรดกเป็นเงินแทนโจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔๖ ทำให้ข้อตกลงไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ครอบครองทรัพย์พิพาทอันเป็นมรดกมาแต่ผู้เดียว โจทก์โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมจะต้องฟ้องเสียภายในกำหนดอายุความ ๑ ปี โจทก์มาฟ้องเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง ๒ ปีเศษแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share