แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่ได้รับใบเหยียบย่ำจากเจ้าพนักงานแล้วย่อมมีสิทธิที่จะหวงห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าไปแบ่งทำประโยชน์ในที่ๆ ได้จับจองไว้ได้ แม้ว่าผู้จับจองนั้นจะยังไม่มีสิทธิครอบครองเลยก็ตาม ทั้งนี้ภายในกำหนดเวลา 2 ปีตามที่กฎหมายกำหนดให้ผู้จับจองต้องทำประโยชน์ในที่ดินนั้น และผู้ใดจะอ้างอายุความหนึ่งปีเรื่องการแย่งการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้ยันกับผู้ได้รับใบเหยียบย่ำภายในกำหนดเวลา 2 ปีนั้นก็ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่ามีที่ดินแปลงหนึ่ง บางส่วนเป็นที่รกร้างโจทก์ได้ขอจับจองได้รับใบเหยียบย่ำแล้ว บางส่วนได้รับโอนมาจากผู้อื่นซึ่งโจทก์ได้โก่นสร้างครอบครองทำประโยชน์จดทะเบียนไว้ต่อคณะกรรมการอำเภอปากพยูนแล้ว จำเลยกับบริวารบุกรุกเข้ามาทำรั้วและปลูกต้นไม้เป็นเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่เศษ ขอให้ห้ามและให้รื้อถอนรั้วออกไป
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าจำเลยครอบครองมา3 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ได้ทำประโยชน์ครอบครองมาก่อนจำเลยแต่จำเลยแย่งการครอบครองมากว่า 1 ปีแล้วโจทก์จึงฟ้อง คดีจึงขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่พิพาทและให้รื้อรั้วไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินตอนที่โจทก์ได้รับใบเหยียบย่ำแล้วนั้นก่อนนั้นเป็นที่รกร้าง เจ้าพนักงานออกใบเหยียบย่ำให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2494 ให้สิทธิโจทก์ทำประโยชน์ใน 2 ปี ตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 มาตรา 9 จำเลยบุกรุกเมื่อเดือนกันยายน 2494 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2495 ภายใน 2 ปีซึ่งกฎหมายที่ดินให้สิทธิโจทก์ที่จะหวงห้ามผู้อื่นจำเลยจะอ้างอายุความแย่งการครอบครองมาใช้ในเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ส่วนที่พิพาทนอกใบเหยียบย่ำนั้นจำเลยเพิ่งบุกรุกเมื่อเดือน กรกฎาคม 2495 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์