คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงตามสัญญามีว่า โจทก์จะขอเช่าแผงลอยซึ่งจำเลยยังไม่ได้ก่อสร้าง โดยโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวนนั้นให้กับจำเลยในวันทำสัญญา เพื่อช่วยค่าก่อสร้างตลาดรายนี้เป็นข้อตกลงกันล่วงหน้า สัญญาฉบับนี้จึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนกันตามธรรมดา หาใช่สัญญาเช่าสิ่งก่อสร้างตามบัญชีข้อ 1 ท้ายประมวลรัษฎากรไม่ แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์เช่าแผงลอย 30 แผง มีกำหนดเวลาเช่า 15 ปี และจะได้ไปจดทะเบียนสัญญาเช่าต่อไป เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมทำสัญญาเช่าดังกล่าว โจทก์จึงจ่ายเงินช่วยค่าก่อสร้างให้จำเลย100,000 บาท จำเลยได้รับเงินไปแล้วและสัญญาว่าหากมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นทำให้โจทก์ไม่สามารถเช่าแผงลอยดังกล่าวได้ จำเลยยอมคืนเงิน100,000 บาทให้โจทก์ เมื่อจำเลยก่อสร้างอาคารตลาดเสร็จ ไม่ยอมมอบแผงลอย30 แผงให้โจทก์ โจทก์ติดต่อให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาหลายครั้งจำเลยก็เพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบแผงลอย 30 แผงให้โจทก์พร้อมทั้งค่าเสียหาย หากส่งมอบไม่ได้ให้ใช้เงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาให้เช่าแผงลอยตามฟ้องและไม่เคยรับเงิน 100,000 บาทจากโจทก์ สัญญาท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยเป็นเพียงคู่สัญญาเช่าที่ดินตลาดท่าพระยาจักรจากกรมศิลปากรเท่านั้น จำเลยไม่ได้เป็นผู้ก่อสร้างและเป็นเจ้าของตลาด ไม่มีอำนาจตกลงหรือเซ็นสัญญาให้โจทก์เช่าผู้อื่นเป็นผู้ก่อสร้างและเป็นเจ้าของตลาด โจทก์ไม่เคยทวงถามจำเลย โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าแผงลอย และจำเลยรับเงินช่วยค่าก่อสร้าง 100,000 บาทจากโจทก์ จำเลยไม่สามารถส่งมอบแผงลอยได้เพราะบุคคลอื่นเป็นผู้ก่อสร้างตลาด จำเลยไม่มีสิทธิในแผงลอยเหล่านั้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า กรมศิลปากรเปิดประมูลสร้างอาคารในตลาดท่าพระยาจักร จำเลยเป็นผู้ประมูลได้ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคารมอบกรรมสิทธิ์แก่กรมศิลปากร เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ได้มีการเปิดให้เช่าแผงลอยในตลาดดังกล่าว และโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาฉบับดังกล่าวตามฟ้องจริงโดยจำเลยได้รับเงิน 100,000 บาทไว้จากโจทก์ เมื่อจำเลยไม่สามารถส่งมอบแผงลอยตามข้อตกลงจำเลยก็ต้องคืนเงิน 100,000 บาทให้โจทก์ตามสัญญา ส่วนสัญญาเอกสารหมาย จ.2 จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงตามสัญญาฉบับนี้มีว่า โจทก์จะขอเช่าแผงลอยในตลาดพระยาจักรซึ่งจำเลยยังไม่ได้ก่อสร้าง โดยโจทก์ได้จ่ายเงิน 100,000บาทให้กับจำเลยในวันทำสัญญาเพื่อช่วยค่าก่อสร้างตลาดรายนี้ เป็นข้อตกลงกันล่วงหน้า สัญญาฉบับนี้จึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนกันตามธรรมดา หาใช่สัญญาเช่าสิ่งก่อสร้างตามบัญชีข้อ 1 ท้ายประมวลรัษฎากรไม่ เพราะหากจะมีการเช่าตามข้อตกลงนี้ก็จะต้องมีการทำสัญญาเช่าต่อกันขึ้นใหม่เอกสารหมาย จ.2 แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้

พิพากษายืน

Share