แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถามาพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์และศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีของจำเลยไม่มีเหตุสมควรอุทธรณ์และมีคำสั่งยกคำร้อง หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไปก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดจึงเท่ากับศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเนื้อหาของคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว และมีผลเป็นคำสั่งให้ยกคำขอนั้นเสียทีเดียว ซึ่งอยู่ในบังคับของ ป.วิ.พ.มาตรา 156 วรรคท้าย ที่ให้สิทธิแก่ผู้ขออาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อพ้นกำหนดเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 156 วรรคท้าย จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องของจำเลยชอบแล้ว แต่การที่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ทั้งกำหนดเวลาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระได้ล่วงพ้นไปแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลฎีกาชอบที่จะกำหนดเวลาให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโจทก์
วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๔ จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่า พิเคราะห์คำร้องและอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว กรณีไม่มีเหตุสมควรอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไป ให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายในวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๔
วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๔ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค ๓
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ มีคำสั่งยกคำร้องและให้คืนเงินค่าคำร้อง ๔๐ บาท แก่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยว่า กรณีไม่มีเหตุสมควรอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง มิใช่คำสั่งในเนื้อหาของคำร้องซึ่งจะต้องอุทธรณ์ภายในกำหนด ๗ วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด ๑ เดือน ตามมาตรา ๒๒๓ ประกอบมาตรา ๒๒๙ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานอกจากผู้ขอต้องเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมแล้ว ผู้ขอยังจะต้องแสดงให้ศาลเห็นว่า คดีของตนมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๕ วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถามาพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ และศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีของจำเลยไม่มีเหตุสมควรอุทธรณ์และมีคำสั่งยกคำร้อง หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ต่อไปก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนด จึงเท่ากับศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเนื้อหาของคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว และมีผลเป็นคำสั่งให้ยกคำขอนั้นเสียทีเดียวซึ่งอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคท้าย ที่ให้สิทธิแก่ผู้ขออาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งเมื่อพ้นกำหนดเวลาเช่นว่านี้ จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ยกคำร้องของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ มิได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ให้จำเลยฟัง ทั้งกำหนดเวลาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระได้ล่วงพ้นไปแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาชอบที่จะกำหนดเวลาให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วได้
พิพากษายืน หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป ให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้