คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายร่างกายนายเสาเดือนขาว โดยเจตนาฆ่าให้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้นายเสาตาย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา แต่ไม่มีการไตร่ตรองมาก่อน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำเลยมีอายุเพียง 21 ปี และกระทำไปโดยความเมาสุราจึงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี รับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 7 ปี 6 เดือน

โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยควรมีความผิดตามมาตรา 289(4) แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุเวลา 19.00 นาฬิกาเศษมีงานทำบุญแห่เทียนเข้าพรรษา มีประชาชนไปทำบุญกันบนศาลาวัดรวมทั้งนายเสาผู้ตาย ขณะที่นายเสากำลังนั่งสนทนากันอยู่กับพวกจำเลยได้ขึ้นไปบนศาลานั้นด้วยอาการมึนเมา แล้วเข้าไปหานายเสาพูดว่า “อ้ายเสา กูเจ็บใจมานานแล้ว ปีกลายนี้กูเจ็บใจมึง มึงเอาไฟฉายตีหัวกู กูจะฆ่ามึง” นายเสาลุกขึ้นยืนพลางพูดว่า “อย่าทำอย่างนี้เลย เรื่องแล้วไปแล้ว ก็ให้แล้วไป” แล้วเดินเลี่ยงไปได้สัก 5 ก้าว จำเลยจึงชักมีดปลายแหลมออกมาจากเอว ตรงเข้าแทงถูกทางหลังนายเสา 1 ที นายเสาวิ่งลงบันไดศาลาวัด จำเลยวิ่งตามไปพอทันกันที่บันได จำเลยก็ใช้มีดแทงถูกทางเบื้องหลังนายเสาอีก 1 ที

ตามพฤติการณ์ดังกล่าวมานี้ ศาลฎีกาเห็นว่า คืนนั้นมีงานที่วัดไม่ได้ความว่าจำเลยทราบมาก่อนหรือไม่ว่านายเสาได้มาในงานนั้นด้วย ดังนั้น การที่จำเลยขึ้นไปบนศาลาวัด จึงอาจเป็นการขึ้นไปตามธรรมดาของผู้ที่มาในงาน ครั้นเห็นนายเสาเข้าโดยบังเอิญความแค้นเคืองของจำเลยที่ถูกนายเสาตีศีรษะด้วยกระบอกไฟฉายก็ระอุขึ้นและระบายออกมา แล้วตรงรี่เข้าแทงทำร้ายนายเสาทันทีทั้งนี้ ก็น่าจะเนื่องจากความเมาสุราของจำเลยเป็นต้นเหตุประการสำคัญ จริงอยู่การที่จำเลยถูกนายเสาตีศีรษะนั้น คงยังความเจ็บแค้นให้แก่จำเลย แต่ความเจ็บแค้นนั้นย่อมจะเหือดหายลงไปได้บางขณะ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคอยคิดสังหารนายเสาโดยมิได้ว่างเว้น แต่เมื่อจำเลยได้พบนายเสาในวันเกิดเหตุ ความเจ็บแค้นที่พลุ่งขึ้นมาฉับพลัน ทำให้เกิดเจตนาที่จะฆ่าเสียก็เป็นได้ รูปคดียังไม่มีเหตุผลพอที่จะฟังว่าจำเลยมีแผนการณ์หรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการฆ่านายเสา การฆ่าโดยความแค้นยังถือไม่ได้เสมอไปว่า เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะโอกาสที่จะฆ่านั้นอาจมีขึ้นโดยบังเอิญ ทั้ง ๆ ที่ไม่คาดคิดมาก่อนก็ย่อมมีได้เหมือนกัน ที่ศาลทั้งสองเห็นว่าจำเลยควรมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share