แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีโจทก์ทำสัญญาขายที่ดินให้จำเลยเพียง 1 โฉนด แต่โจทก์สำคัญผิดโอนที่ดินให้จำเลย 2 โฉนดที่ดินติดต่อกัน โจทก์ย่อมฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยได้แม้จะเป็นเวลากว่าปีแล้ว เพราะกรณีเช่นนี้เป็นคนละเรื่องกับที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ.ม.466,467
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ได้รวมพิจารณาพิพากษาได้ความว่าเดิมสามีโจทก์ได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ ๑๑๙๐ เนื่อที่ ๖ ไร่ เศษออกเป็นแปลงเล็ก ๆ ๒๕ แปลง ๒๕ โฉนด สามีโจทก์ตายโจทก์ได้รับมรดกลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินที่ ๓๖๒๗,๓๖๒๘,๓๖๒๙ ให้นางสุมนทา และโอนโฉนดที่ ๓๖๒๓,๓๖๒๔ ให้นางหมีจำเลย
โจทก์ฟ้องว่าความจริงนางหมีเป็นผู้ซื้อโฉนดที่ ๓๖๒๓ แปลงเดียวและนางสุมนทาซื้อโฉนดที่ ๓๖๒๗,๓๖๒๘ สองแปลงเท่านั้น โจทก์โอนโฉนดดังกล่าวข้างต้นไปโดยสำคัญผิด จึงฟ้องขอให้บังคับคืน
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ได้สำคัญผิดแม้จะสำคัญผิดก็เป็นการประมาทอย่างร้ายแรงและฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนคืนที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ได้โอนที่ดินโฉนดที่ ๓๖๒๔,๓๖๒๖,๓๖๒๙ ให้แก่จำเลยโดยสำคัญผิด ตามสัญญาที่สามีโจทก์ทำกับสามีจำเลยไม่ได้ตกลงจะขายที่ดินโฉนดดังกล่าวแล้วให้แก่จำเลยด้วย ไม่มีทางที่จะฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กรณีไม่เข้าตาม ป.พ.พ.ม.๔๖๖,๔๖๗ จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาพิพากษายืน