แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านถึงแก่ความตายก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ถือว่าผู้คัดค้านถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ที่จะมีคำสั่งเกี่ยวกับการมรณะของคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาคดีไปโดยที่ยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวนั้น เป็นการมิได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. ว่าด้วยการพิจารณาตามมาตรา 243 (2) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 เป็นการไม่ชอบ ศาลชั้นต้นต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แล้วส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 6 เพื่อสั่งเกี่ยวกับการมรณะของผู้คัดค้านแล้วมีคำพิพากษาใหม่ต่อไป การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 และมีคำสั่งรับฎีกาของผู้คัดค้านล้วนเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งริบทรัพย์สิน จำนวน 6 รายการ ดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 27, 29, 31
ศาลชั้นต้นได้สั่งให้ประกาศในหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายแล้ว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องและมีคำสั่งปล่อยทรัพย์สินดังกล่าวคืนแก่ผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบเงินสดจำนวน 780 บาท แหวนทองประดับอัญมณีจำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 7.7 กรัม แหวนทองสลักลายดาว จำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 3.8 กรัม แหวนทองสลักลายเม็ดทราย จำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 7.6 กรัม ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 27, 29, 31 ส่วนคำขออื่นให้ยก ให้คืนเงินสดจำนวน 30,000 บาท สร้อยคอทองลายกระดูกงูพร้อมจี้ทองรูปไม้กางเขน จำนวน 1 เส้น น้ำหนักประมาณ 91.2 กรัม และสร้อยคอทองลายลูกโซ่พร้อมจี้ทองรูปไม้กางเขน จำนวน 1 เส้น น้ำหนักประมาณ 22.8 กรัม แก่ผู้คัดค้าน
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบเงินสดจำนวน 30,000 บาท สร้อยคอทองลายกระดูกงูพร้อมจี้ทองรูปไม้กางเขน จำนวน 1 เส้น และสร้อยคอทองลายลูกโซ่พร้อมจี้ทองรูปไม้กางเขน จำนวน 1 เส้น ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ผู้คัดค้านถึงแก่ความตาย นายประทวน ทายาทของผู้คัดค้าน ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 ทำคำพิพากษาแล้วส่งมาให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังโดยมิได้สั่งคำร้องของผู้ร้องที่ขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะก่อน เห็นว่า ผู้คัดค้านถึงแก่ความตายก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ถือว่า ผู้คัดค้านถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ที่จะมีคำสั่งเกี่ยวกับการมรณะของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาคดีไปโดยที่ยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวนั้น เป็นการมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตามมาตรา 243 (2) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เป็นการไม่ชอบ ดังนั้น ศาลชั้นต้นต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แล้วส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 6 เพื่อสั่งเกี่ยวกับการมรณะของผู้คัดค้านแล้วมีคำพิพากษาใหม่ต่อไป การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 และมีคำสั่งรับฎีกาของผู้คัดค้านล้วนเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเรื่องการขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้คัดค้านและทำการไต่สวนแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี และให้ยกฎีกาของผู้คัดค้าน