คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11560/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยื่นเอกสารเท็จในชั้นยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยในคดีดังกล่าวถึงแก่ความตาย ยังไม่ถึงชั้นพิจารณาพยานหลักฐานว่าจำเลยในคดีดังกล่าวถึงแก่ความตายไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 177, 180, 267
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 2 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ และข้อหาร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ ข้อหาดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องในความผิดฐานนี้ว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ นายนรินทร์ จำเลย โดยยื่นเอกสารรายงานการชันสูตรพลิกศพและมรณะบัตร ซึ่งเป็นเอกสารเท็จที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้มาโดยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว ประกอบคำร้องขอให้ศาลพิจารณากรณีจำเลยในคดีดังกล่าวถึงแก่ความตายตามเอกสารที่นำมาแสดง ซึ่งพยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันแสดงต่อศาลดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดี โดยหากศาลเชื่อตามเอกสารศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีดังกล่าวออกจากสารบบความ ซึ่งตามฟ้องดังกล่าวเป็นการยื่นเอกสารรายงานการชันสูตรพลิกศพและมรณะบัตรอันเป็นเอกสารเท็จในชั้นยื่นคำร้องต่อศาลว่านายนรินทร์ จำเลยในคดีดังกล่าวถึงแก่ความตาย ซึ่งยังไม่ถึงชั้นพิจารณาพยานหลักฐานว่านายนรินทร์ถึงแก่ความตายหรือไม่ แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้อง การกระทำของจำเลยทั้งสองก็ไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แต่อาจเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 เท่านั้น แต่เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานมาด้วย จึงไม่มีข้อต้องพิจารณาในความผิดฐานนี้ เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share