คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวในหนองสาธารณะซึ่งผู้เสียหายปลูกต้นข้าวไว้โดยต้นข้าวขึ้นปะปนอยู่กับกอบัว จนเป็นเหตุให้ต้นข้าวเน่าตายไปจำนวนหนึ่ง เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปในป่าข้าวทำความเสียหายแก่ต้นข้าวได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเจตนาทำให้เสียทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ เวลากลางวันติดต่อกัน จำเลยทั้งหกได้ร่วมกันทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เสื่อมค่าโดยใช้เรือพายและถ่อเข้าไปในหนองหางระแวง ทำให้ต้นข้าวซึ่งนางจรูญ อินทรานทูม กสิกรหว่านปลูกไว้ ต้นหัก ขาดตายและเสื่อมค่า ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท เหตุเกิดที่ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๕๙, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๕๙ ลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ คนละ ๑๕๐ บาท จำเลยที่ ๔ อายุ ๑๗ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ลงโทษปรับ ๗๕ บาท คำเบิกความของจำเลยทั้งสี่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ปรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ คนละ ๑๐๐ บาท ปรับจำเลยที่ ๔ ๕๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ จำเลยที่ ๖ อายุ ๑๓ ปี ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๕
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีเจตนาเพียงเข้าไปเก็บบัว ไม่มีเจตนาเข้าไปทำลายต้นข้าวของผู้เสียหาย พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้เสียหายจะอ้างสิทธิครอบครองในหนองสาธารณะที่ปลูกข้าวไว้ไม่ได้ และจำเลยมีสิทธิใช้ประโยชน์ในหนองนี้เท่าเทียมกับผู้เสียหายก็จริง แต่จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะไปทำให้ต้นข้าวที่ผู้เสียหายปลูกไว้เสียหายตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยทราบอยู่ว่าผู้เสียหายซึ่งอยู่บ้านใกล้ ๆ กับจำเลยได้ปลูกข้าวไว้ที่นั่น และเมื่อจำเลยนำเรือเข้าไปตัดใบบัวก็ต้องเห็นต้นข้าวขึ้นปะปนอยู่กับกอบัว จำเลยย่อมเล็งเห็นอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปในป่าข้าวทำความเสียหายแก่ต้นข้าว จึงถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาของจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสองแล้ว
พิพากษากลับ เป็นให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๖ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share