คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10903/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

บทบัญญัติตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลร้ายแก่จำเลย เมื่อโจทก์มิได้อ้างมาในคำขอท้ายฟ้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษตามมาตราดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่
ส่วนที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้ให้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (4) จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง
ปัญหาว่าศาลล่างทั้งสองดพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลล่าง จำเลยหรือศาลฎีกาย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง คนร้ายร่วมกันงัดแงะถอดกระจกหน้าต่างบานเกล็ดบ้านพัก อันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนางสำรวย ผู้เสียหายจนเปิดออก อันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ แล้วเข้าไปลักเครื่องเล่มเกมเพลย์ทู 1 เครื่อง ราคา 9,700 บาท ของผู้เสียหายซึ่งเก็บรักษาไว้ในเคหสถานโดยคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขกค เพชรบูรณ์ 526 เป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดเครื่องเล่นเกมและรถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของกลาง ทั้งนี้ จำเลยกับพวกเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหาย หรือมิฉะนั้นระหว่างวันที่ 24 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2550 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยร่วมกับพวกรับเอาทรัพย์ของกลางไว้จากคนร้าย แล้วช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายและช่วยพาเอาไปเสียโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดเข้าลักษณะลักทรัพย์ เหตุลักทรัพย์และรับของโจร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335, 357
จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (3) (4) (7) (8) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี (ที่ถูก คำขออื่นให้ยก)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (3) (4) (7) (8) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ เป็นการพิพากษาเกินคำขอ หรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ระบุมาตรา 336 ทวิ มาในคำขอท้ายฟ้องนั้น เห็นว่า ปัญหาว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ซึ่งบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลร้ายแก่จำเลย ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ มาในคำขอท้ายฟ้อง ก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ดังนั้น จะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ มาลงโทษจำเลยไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย นอกจากนี้ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้ให้ แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (4) จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขโทษเสียใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปมีว่า สมควรลงโทษจำเลยในสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกร่วมกันลักและถอดกระจกหน้าต่างบานเกล็ดบ้านพักในยามวิกาล แล้วเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหายเป็นการกระทำที่อุกอาจร้ายแรง แม้ผู้เสียหายยื่นคำร้องไม่ติดใจเอาความทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลยอีกต่อไป ก็ยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะรอการลงโทษให้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (3) (7) (8) วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 จำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share