คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10984/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยยื่นฎีกาพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย แม้ต่อมาจำเลยจะยื่นคำร้องและอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวเนื่องกับคำสั่งไม่รับฎีกา และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไว้พิจารณาก็ตามแต่ในที่สุดศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์คำสั่งได้ จึงไม่มีการรับฎีกาของจำเลย ต้องถือว่าคดีถึงที่สุดเมื่อระยะเวลายื่นฎีกาได้สิ้นสุดลงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2548 ครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่ 3 กรกฎาคม 2548 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ระยะเวลายื่นฎีกาจึงสิ้นสุดลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2548 อันเป็นวันที่เริ่มทำการใหม่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/8 คดีจึงถึงที่สุดวันที่ 4 กรกฎาคม 2548

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลจังหวัดสีคิ้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2548 จำเลยยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนด 1 เดือน จึงไม่รับฎีกา แล้วศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดวันที่ 3 กรกฎาคม 2548 จำเลยยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดดังกล่าวและอนุญาตให้จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยยื่นคำร้องขอยกเลิกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง เพื่อให้คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์ได้ จำหน่ายคดี ให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดให้จำเลย ศาลจังหวัดสีคิ้วอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยฟัง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2550 และออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดวันที่ 1 มิถุนายน 2550 ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แก้ไขข้อผิดพลาด โดยขอให้ใช้หมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดฉบับเดิม เพื่อให้จำเลยได้รับสิทธิพักการลงโทษและได้รับการพระราชทานอภัยโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน โดยลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยยื่นฎีกาพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย แม้ต่อมาจำเลยจะยื่นคำร้องและอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวเนื่องกับคำสั่งไม่รับฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไว้พิจารณาก็ตาม แต่ในที่สุดศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์คำสั่งได้ จึงไม่มีการรับฎีกาของจำเลยต้องถือว่าคดีถึงที่สุด เมื่อระยะเวลายื่นฎีกาได้สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 คดีนี้ศาลจังหวัดสีคิ้ว อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2548 ครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่ 3 กรกฎาคม 2548 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ระยะเวลายื่นฎีกาจึงสิ้นสุดลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2548 อันเป็นวันที่เริ่มทำการใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/8 คดีจึงถึงที่สุดวันที่ 4 กรกฎาคม 2548 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่าคดีถึงที่สุดวันที่ 1 มิถุนายน 2550 นั้น จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จำเลยใหม่

Share