คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมหนังสือเดินทางของรัฐบาลโปรตุเกสอันเป็นเอกสารเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐในการระหว่างประเทศ โจทก์สืบพยานได้ 2 ปาก ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยกระทำต่อเอกสารของรัฐบาลโปรตุเกส ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย ไม่เกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐบาลไทยโดยตรง พิพากษายกฟ้องโจทก์ เอกสารตามฟ้องรัฐบาลไทยจะมีส่วนได้เสียในการระหว่างประเทศหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อโจทก์ยังมิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เสร็จสิ้น ศาลชั้นต้นสั่งงดเสียก่อน จึงมิชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันปลมอและทำเทียมหนังสือเดินทางของรัฐบาลประเทศโปรตุเกส อันเป็นเอกสารเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐในการระหว่างประเทศ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๒๕, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ ๒ ปาก สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยกระทำต่อเอกสารของรัฐบาลโปรตุเกส ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย และไม่เกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐบาลไทยโดยตรง พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปเพราะโจทก์ยังสืบพยานไม่สิ้นกระแสความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้หรือไม่จะต้องปรากฏก่อนว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นส่วนได้เสียของรัฐในการระหว่างประเทศหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์ยังมิทันได้นำสืบให้เสร็จสิ้นกระแสความ ศาลชั้นต้นก็งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยกระทำต่อเอกสารของรัฐบาลโปรตุเกสไม่ใช่ของรัฐบาลไทย ไม่เกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐบาลไทยโดยตรง พิพากษายกฟ้องโจทก์ เอกสารตามฟ้องรัฐบาลไทยจะมีส่วนได้เสียในการระหว่างประเทศหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อโจทก์ยังมิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจนเสร็จสิ้นกระแสความ ศาลชั้นต้นก็สั่งงดเสียก่อน จึงมิชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาความ
พิพากษายืน

Share