คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงเดินทางจากที่พักไปยัง ท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยจำเลยประสงค์จะพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย และใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้นพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างต้นเดือนมีนาคม ๒๕๒๘ ถึงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๘ เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยกับพวกอีก ๑ คนที่หลบหนีไปได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม กล่าวคือจำเลยกับพวกดังกล่าวได้ร่วมกันจัดหางานให้แก่นางสาวสุขำ ใหญ่วงศ์และนางสาวประยงค์ เกตุแก้ว เพื่อไปทำงานในสถานบริการในประเทศฮ่องกง โดยจำเลยกับพวกมิได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากนายทะเบียนและร่วมกันพยายามพานางสาวสุขำและนางสาวประยงค์ออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมในประเทศฮ่องกง แต่กระทำไปไม่ตลอดเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้เสียก่อนและจำเลยกับพวกร่วมกันปลอมหนังสือเดินทางประเทศไทย ฉบับหมายเลข ๘๒๒๖๑ และฉบับหมายเลข วาย ๑๒๑๔๔ อันเป็นเอกสารราชการ และร่วมกันใช้เอกสารดังกล่าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออกประจำท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อตรวจประทับตราในการที่จำเลยกำลังจะพานางสาวสุขำและนางสาวประยงค์เดินทางออกนอกประเทศไทย เหตุเกิดที่แขวงพระโขนง เขตพระโขนง แขวงถนนเพชรบุรี เขตพญาไท และแขวงตลาดบางเขน เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๙๑, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๖๓, ๒๖๔,๒๖๕, ๒๖๘ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖)พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิงพ.ศ. ๒๔๗๑ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗ ริบหนังสือเดินทางปลอม ๒ ฉบับของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๗๓๓/๒๕๒๙ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. ๒๔๗๑ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๐ จำคุก ๒ ปี นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๗๓๓/๒๕๒๙ของศาลชั้นต้น ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. ๒๔๗๑ มาตรา ๔ วรรคแรกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อ ๒.๔ ซึ่งฎีกาว่าการกระทำของจำเลยยังอยู่ในขั้นตระเตรียมการ ยังไม่เป็นความผิดฐานพยายาม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกับพวกพานางสาวสุขำและนางสาวประยงค์ผู้เสียหายทั้งสองเดินทางจากโรงแรม ๓๕ ซอยกิ่งเพชร ถนนเพชรบุรี กรุงเทพมหานคร ไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยประสงค์จะพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งในเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหายทั้งสองศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น จึงต้องถือว่าการกระทำของจำเลยกับพวกพ้นขั้นตระเตรียมการเข้าสู่การลงมือกระทำความผิดแล้ว หากแต่ยังไม่สำเร็จเพราะมีเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เสียก่อน มิฉะนั้นแล้วจำเลยกับพวกก็จะกระทำความผิดต่อไปได้สำเร็จ การที่จำเลยถูกจับเสียก่อนในขณะที่ลงมือกระทำความผิดแล้วเช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศไทยเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามฟ้องแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share