คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาจำเลยได้ขายนาให้แก่มารดาโจทก์เมื่อ 20 ปีเศษแล้ว โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง ตกลงกันจะไปโอนโฉนดในภายหลัง ได้มอบโฉนดและการครอบครองให้แก่ผู้ซื้อทำกินเป็นเจ้าของตลอดมา ต่อมาขโมยลักโฉนดนี้ไป เลยไม่ได้โดนโฉนดกัน ดังนี้โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิในทางครอบครอง ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1382.

ย่อยาว

ความว่า บิดาจำเลยขายนารายพิพาทให้แก่มารดาโจทก์เมื่อ ๒๐ ปีเศษแล้ว โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง ตกลงกันว่าจะไปโอนโฉนดในภายหลัง ได้มอบโฉนดและการครอบครองให้ผู้ซื้อทำกินเป็นเจ้าของตลอดมา ต่อมาขโมยลักโฉนดรายนี้ไป เลยมิได้โอนโฉนดกัน บิดามารดาโจทก์ตายไปนานแล้ว เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ จำเลยไปขอประกาศรับมฤดก โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินรายพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยให้การว่า มารดาโจทก์เช่าที่นาจากบิดามารดาจำเลย ส่วนโฉนดนั้น มารดาจำเลยได้ฝากมารดาโจทก์ไว้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา ข้อกฎหมายว่า การขายโดยสัญญาจะไปโอนโฉนดกันภายหลังนั้น เป็นสัญญามีเงื่อนไข ซึ่งเมื่อโจทก์ไม่ฟ้องขอให้บังคับตามเงื่อนไขนานกว่า ๒๐ ปี คดีของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิในทางครอบครอง ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา ๑๓๘๒ คำคัดค้านของจำเลยที่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายรายนี้ ก็ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share