แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้อง ก.ลูกจ้างของจำเลย ได้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยไปในทางการที่จ้าง โดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังและขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นเหตุให้ชน ส.บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปลงศพเป็นเงิน 10,000 บาท เป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งขออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดในเรื่องค่าเสียหายเกี่ยวกับการปลงศพ ซึ่งโจทก์อาจนำสืบในชั้นพิจารณาได้อยู่แล้ว ฟ้องโจทก์ไม่ฟ้องเคลือบคลุม
ก.ลูกจ้างจำเลยมีหน้าที่ขับรถขุดดิน แต่ไม่มีหน้าที่ขับรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุซึ่งอยู่ในแผนกเดียวกันกับตน วันเกิดเหตุ ก.ได้เบิกรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุไปเพื่อขับบรรทุกดินในกิจการของจำเลยแทน ม. โดยประสงค์จะได้เงินค่าล่วงเวลา ท.เจ้าหน้าที่ควบคุมและปล่อยรถจำเลยได้ปล่อยให้ ก.นำรถดังกล่าวไปได้ ศ.เจ้าหน้าที่ของจำเลยซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของ ก.เห็นว่า ก.ไม่มีหน้าที่ขับรถคันนั้น และนำรถออกมาไม่ถูกระเบียบจึงไม่ให้ขับ และให้ก.ไปขับรถขุดดินแทน แต่เมื่อเลิกงาน ศ. กลับปล่อยให้ ก.ขับรถคันเกิดเหตุกลับไปเก็บ ระหว่างทาง ก.ขับรถยนต์ชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโดยความประมาท การกระทำของ ก. เป็นไปในทางการที่จ้างของจำเลยโดยตรง การที่รถคันเกิดเหตุถูกนำออกโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย เกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่จำเลย จะนำมาใช้ยันบุคคลภายนอกเพื่อให้จำเลยพ้นความรับผิดหาได้ไม่
การที่บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายโดยการละเมิด โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนที่ต้องขาดไร้อุปการะ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์จะต้องเป็นผู้ที่ดำรงชีพด้วยการอุปการะของผู้ตายจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองรถบรรทุกดิน ก.ท.ป.๓๕๒๘ และเป็นนายจ้างของนายฤทธิ์กาญ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๑๕ นายฤทธิ์กาญได้ขับรถคันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างโดยประมาทชนนางสมพิศบุตรสาวโจทก์จนถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยร่วมกับผิดชดใช้ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการปลงศพเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท และค่าขาดอุปการะอีกเดือนละ ๓๐๐ บาทเป็นเวลา ๑๐ ปีให้โจทก์
จำเลยให้การว่า นายฤทธิ์กาญเป็นลูกจ้างจำเลยจริง แต่ไม่มีหน้าที่ขับรถคันเกิดเหตุ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทนต่อไป ส่วนค่าปลงศพ และค่าใช้จ่ายในการปลงศพ และฟ้องเคลือบคลุม จำเลยไม่ทราบว่าจะต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง ค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูสูงไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์เต็มตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้จำเลยจ่ายค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานศพจาก ๑๐,๐๐๐ บาทเหลือเพียง ๗,๐๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์บรรยายฟ้องลูกจ้างของจำเลย ได้ขับรถไปในทางการที่จ้างโดยความประมาท เป็นเหตุให้ชน บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ยเกี่ยวกับการปลงศพเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท นั้น เป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งขออ้างที่อาศัยเป็นหลักแพ่งข้อหา ตามประมวลกฎหมายวิธพิธีพิจารณาความแห่ง มาตรา ๑๗๒ แล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายราละเอียดในเรื่องค่าเสียหายเกี่ยวกับการปลงศพ ซึ่งโจทก์อาจนำสืบในชั้นพิจารณาได้อยู่แล้ว ฟ้องโจทก์ไม่ฟ้องเคลือบคลุม
ลูกจ้างจำเลยมีหน้าที่ขับรถขุดดิน แต่ไม่มีหน้าที่ขับรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุซึ่งอยู่ในแผนกเดียวกันกับตน วันเกิดเหตุ นายฤทธิ์ได้เบิกรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุไปเพื่อขับบรรทุกดินในกิจการของจำเลยแทน นายมนูญเพื่อโดยประสงค์จะได้เงินค่าล่วงเวลา นายทนงเจ้าหน้าที่ควบคุมและปล่อยรถจำเลยได้ปล่อยให้ นายฤทธิ์นำรถบรรทุกดินคันเกิดเหตุไปถมที่อันเป็นกิจการของจำเลย แล้วปล่อยให้นายฤทธิ์กาญขับรถคันเกิดเหตุกลับไปจนเกิดเหตุคดีนี้โดยความประมาท การกระทำของนายฤทธิ์กาญผู้เป็นลูกจ้างของจำเลยเป็นในทางการที่จ้างจำเลยโดยตรง รถคันเกิดเหตุถูกนำออกโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย ก็เกิดความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่จำเลยจะนำมาใช้ยันบุคคลภายนอกเพื่อให้จำเลยพ้นความรับผิดหาได้ไม่
สำหรับเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๓๕ บัญญัติว่า “บุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดก” และมาตรา ๔๔๓ วรรค ๓บัญญัติว่า “ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลคนหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น” ตามบทบัญญัติสองมาตรานี้ย่อมถือได้ว่าการที่นางสมพิศ ยืนยง ตายลงทำให้โจทก์ผู้เป็นบิดาต้องขาดไร้อุปการะจากผู้ตาย โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนที่ต้องขาดไร้อุปการะ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์จะต้องเป็นผู้ที่ดำรงชีพด้วยการอุปการะของผู้ตายจริง
พิพากษายืน