แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 มีสิทธิยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียว เพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนในโฉนดนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 109/2506)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 105 มีเนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน 48 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ตำบลระเงง อำเภอทุ่งคา (เมือง) จังหวัดภูเก็ต มีชื่อนายพุ่มกับนางสาวสิวกิมถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เมื่อ 36 ปีมาแล้ว นายพุ่มขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนจำนวน 2 ไร่ 74 ตารางวา ให้แก่นางใช้หุนมารดาสามีผู้ร้อง นางใช้หุนตาย ผู้ร้องกับบุตรได้ครอบครองต่อมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ อันจะเป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานผู้ร้องฟังได้ว่าที่ดินส่วนของนายพุ่มนี้ผู้ร้องครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อมาจนบัดนี้เกิน 10 ปีแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าต้องให้ผู้ร้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทขึ้นมานั้น ตามกฎหมาย ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 หากมีผู้โต้แย้งสิทธิคัดค้านขึ้นมา จึงจะกลายเป็นคดีมีข้อพิพาท ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 109/2506
พิพากษากลับว่าที่ดินโฉนดเฉพาะส่วนของนายพุ่มตามคำร้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382