แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้ซึ่งแต่แรกจำเลยได้รับอนุญาตให้ทำ และมีไว้โดยชอบนั้น ถ้าจำเลยจะมีไม้นั้นซึ่งได้แปรรูปแล้วไว้ในครอบครองต่อไป จำเลยก็ต้องได้รับอนุญาตอีกชั้นหนึ่ง ฉะนั้นเป็นผิดตามาตรา 48 การถากซ้อมไม้นั้นเป็น+ โดยไม่ได้ขออนุญาตไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 50(1) จำเลยจึงมีความผิดฐานแปรรูปไม้ตามมาตรา 48 ด้วย และไม้นั้นเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องริบตามมาตรา 74(อ้างฎีกาที่ 1551/2497)
จำเลยกระทำผิด 2 กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา73(2) แก้ไขโดย(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดแต่ละกระทงโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำการแปรรูปไม้เต็งและไม้รังรวม ๑๐๐ ท่อน เนื้อไม้ ๕๐.๐๖ ลูกบาศก์เมตร อันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.แล้วจำเลยบังอาจมีไว้ในครอบครอง ซึ่งไม้หวงห้ามอันเป็นไม้แปรรูปดังกล่าว โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจริง แต่ไม้ของกลางเป็นไม้ที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทำไม้แล้วและได้เสียค่าภาคหลวงแล้ว จำเลยทำการแปรรูปไม้โดยถากซ้อมทำเป็นเสาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอให้ลงโทษสถานเบา และคืนไม้ของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๒,๗๔ และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔)พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗,๑๘ ให้จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๒,๐๐๐ บาท ลดรับกึ่ง มาตรา๗๘ จำคุก ๓ เดือน ปรับ ๑,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอ ๑ ปี ริบไม้ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม้รายนี้ แม้จำเลยได้รับอนุญาตให้ทำ และมีไว้แต่แรกโดยชอบก็ตาม ถ้าจำเลยจะมีไม้รายนี้ซึ่งได้แปรรูปแล้วไว้ในครอบครองต่อไป จำเลยก็ต้องได้รับอนุญาตอีกชั้นหนึ่ง มิฉะนั้นจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๕๘๔ มาตรา ๔๘ และที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเพียงแต่ถากซ้อมไม้เป็นเสานั้น จำเลยก็ให้การรับว่าจำเลยไม่ได้ขออนุญาตต่อเจ้าพนักงาน จำเลยย่อมทำไม่ได้ จำเลยจะกระทำได้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๕๐(๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๑๓ ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตด้วยแล้ว จำเลยจึงผิดตามมาตรา ๔๘ ด้วย ไม้ของกลางจึงเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องริบตามมาตรา ๗๔ ดังศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในฎีกาที่๑๕๕๑/๒๔๙๗ แต่สมควรกล่าวไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการอันเป็นความผิด ๒ กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง และฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก ๖เดือนปรับ ๒,๐๐๐ บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าได้ลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียวตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๗๒(๒) แก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ อันเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ แล้ว เพราะความผิดของจำเลยแต่ละกระทงดังกล่าวมีโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ นัยฎีกาที่ ๑๖๗/๒๕๐๗ ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน