คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจลงความเห็นว่าลายนิ้วมือแฝงที่ฝาตู้กระจกซึ่งใส่วิทยุเทปของผู้เสียหายที่ถูกลักไปในบ้านของผู้เสียหายกับลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยจะเป็นลายนิ้วมือบุคคลเดียวกันแต่เมื่อได้ความว่าช่องฝากั้นห้องระหว่างห้องผู้เสียหายและห้องจำเลยที่ถูกงัดออกมีขนาดเล็กซึ่งจำเลยไม่สามารถลอดช่องดังกล่าวได้ทั้งการตรวจค้นห้องของจำเลยก็ไม่พบทรัพย์สินของผู้เสียหายจึงมีเหตุแห่งความสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 30 กรกฎาคม 2535 เวลา กลางวัน จำเลยงัด ฝา บ้าน ของ นาย แหวน เปียมาลย์ ผู้เสียหาย จน หลุด ออก อันเป็น การ ทำ อันตราย สิ่ง กีด กั้น สำหรับ คุ้มครอง บุคคล และ ทรัพย์ แล้ว ผ่านเข้า ไป ใน บ้าน อันเป็น เคหสถาน ที่อยู่อาศัย ของ ผู้เสียหาย แล้ว ลักเครื่อง สเตอริโอ จำนวน 1 ชุด ราคา 8,000 บาท เครื่องรับโทรทัศน์สี จำนวน 1 เครื่อง ราคา 13,260 บาท และ เงินสด จำนวน 30,000 บาทรวม ราคา ทั้งสิ้น 51,260 บาท ของ ผู้เสียหาย ซึ่ง เก็บรักษา ไว้ ในเคหสถาน ดังกล่าว ไป โดยทุจริต เหตุ เกิด ที่ ตำบล อุทัยใหม่ อำเภอ เมือง อุทัยธานี จังหวัด อุทัยธานี ขอให้ ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335 และ ให้ จำเลย คืน หรือ ใช้ เงินจำนวน 51,260 บาท แก่ ผู้เสียหาย
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3) (8) วรรคสาม จำคุก 1 ปี 6 เดือน และ ให้ จำเลยคืน ทรัพย์สิน ที่ ลัก ไป หรือ ใช้ เงิน จำนวน 37,000 บาท แก่ ผู้เสียหาย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ทางพิจารณา โจทก์ นำสืบ ว่า เมื่อ วันที่30 กรกฎาคม 2535 เวลา ประมาณ 9 นาฬิกา นาง กุหลาบ มียวน ภริยา นาย แหวน เปียมาลย์ ผู้เสียหาย ออกจาก บ้าน เพื่อ ไป ขาย น้ำดื่ม ประเภท ผลไม้ ปั่น ที่ หน้า โรงเรียน พุทธมงคล และ กลับ ถึง บ้าน เวลา ประมาณ 13 นาฬิกา ปรากฏว่า เครื่องรับโทรทัศน์สี หาย ไป 1 เครื่อง และประตู กลาง ห้อง กับ ประตู หลังบ้าน เปิด อยู่ จึง ไป บอก ผู้เสียหาย ซึ่งทำงาน ที่ โรงงาน โม่หิน ทราบ ผู้เสียหาย ไป แจ้งความ ต่อ ร้อยตำรวจโท ศิริวัฒน์ ปัญญาชนวัฒน์ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร อำเภอ เมือง อุทัยธานี ร้อยตำรวจโท ศิริวัฒน์ ไป ตรวจ สถานที่เกิดเหตุ ร่วม กับ ผู้เสียหาย ปรากฏว่า เครื่องรับโทรทัศน์สี จำนวน 1 เครื่อง ราคา13,260 บาท เครื่อง สเตอริโอ จำนวน 1 ชุด ราคา 8,000 บาท และ เงินสด จำนวน 30,000 บาท หาย ไป และ พบ ว่า ฝา กั้น ห้อง ระหว่าง ห้องพักของ จำเลย และ ผู้เสียหาย ถูก งัด และ พบ รอย ลาย นิ้วมือ ที่ ฝา ตู้กระจกใส่ วิทยุ เทป ใน บ้านพัก ผู้เสียหาย ตาม รอย ลาย นิ้วมือ แฝง เอกสาร หมาย จ. 1ต่อมา จ่าสิบตำรวจ สุพัฒน์ โพธิ์พันศรี จับ จำเลย และ ยึด เงิน จำนวน 3,040 บาท จาก จำเลย ร้อยตำรวจโท ศิริวัฒน์ จัด พิมพ์ ลาย นิ้วมือ จำเลย แล้ว ส่ง ลาย นิ้วมือ จำเลย และ รอย ลาย นิ้วมือ แฝง เอกสาร หมาย จ. 1ไป ตรวจ พิสูจน์ ยัง กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ร้อยตำรวจโท หญิง สมนึก ธีระทองคำ ทำการ ตรวจ พิสูจน์ แล้ว ลง ความเห็น ว่า เป็น ลาย นิ้วมือ ของ บุคคล คนเดียว กัน ตาม รายงาน การ ตรวจ พิสูจน์ เอกสาร หมายป.จ. 1 ชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
จำเลย นำสืบ ว่า จำเลย มี อาชีพ ขาย ผลไม้ และ ไข่ นก กระ ทา ทอดมี เงินทุน หมุนเวียน 2,000 บาท เงิน ที่ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ยึด เป็น เงินที่ ได้ จาก การค้า ขาย จำเลย เคย มี สาเหตุ โกรธเคือง กับ ผู้เสียหายเนื่องจาก ผู้เสียหาย ใช้ มีด ฟัน นาย ประเสริฐ สุดใจ พี่ จำเลย จำเลย เข้า ไป ห้าม ผู้เสียหาย ตบ หน้า จำเลย ใน วันเกิดเหตุ จำเลย ไป บ้านนาง สมควร สุขใจ พี่ จำเลย ที่ อำเภอ ตาคลี จังหวัด นครสวรรค์ จำเลย ไม่ได้ กระทำ ความผิด คดี นี้
พิเคราะห์ แล้ว คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่าจำเลย กระทำผิด ตาม ฟ้อง หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ ไม่มี ประจักษ์พยานเห็น จำเลย เป็น ผู้ลักทรัพย์ ของ ผู้เสียหาย คง มี แต่ ร้อยตำรวจโท ศิริวัฒน์ ปัญญาชนวัฒน์ พนักงานสอบสวน พยานโจทก์ เบิกความ ว่า ได้ ไป ตรวจ ที่เกิดเหตุ พบ รอย งัด ฝา กั้น ห้อง ระหว่าง ห้อง ผู้เสียหายและ ห้อง จำเลย จำนวน 4 แผ่น กับ พบ ลาย นิ้วมือ แฝง ที่ ฝา ตู้กระจกใส่ วิทยุ เทป ใน บ้าน ผู้เสียหาย พยาน ส่ง ลาย นิ้วมือ แฝง และ ลายพิมพ์นิ้วมือ จำเลย ไป ตรวจ พิสูจน์ ที่ กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ปรากฏว่าผู้ตรวจ พิสูจน์ ลง ความเห็น ว่า เป็น ลาย นิ้วมือ บุคคล เดียว กัน ตามรายงาน การ ตรวจ พิสูจน์ เอกสาร หมาย ป.จ. 1 (ศาลอาญา กรุงเทพ ใต้ )แต่ ข้อเท็จจริง ได้ความ จาก คำเบิกความ ของ ผู้เสียหาย และ นาง กุหลาบ ภริยา ผู้เสียหาย ว่า ช่อง ฝา ห้อง ที่ ถูก งัด ออก มี ขนาด เล็ก ซึ่ง จำเลยไม่สามารถ จะ ลอด ช่อง ดังกล่าว ได้ ทั้ง การ ตรวจค้น ห้อง ของ จำเลยไม่พบ ทรัพย์สิน ของ ผู้เสียหาย ส่วน เงิน ของกลาง จำนวน 3,040 บาทที่ ยึด ได้ จาก จำเลย จำเลย ก็ นำสืบ ต่อสู้ ว่า เป็น เงิน ของ จำเลย และจำเลย ไม่ได้ อยู่ ที่ บ้าน ตอน เกิดเหตุ จึง มีเหตุ แห่ง ความ สงสัยว่า จำเลย ได้ กระทำผิด ตาม ฟ้อง หรือไม่ ต้อง ยก ประโยชน์ แห่ง ความ สงสัยให้ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายก ฟ้อง นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา ของโจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share