แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 คนเดียวในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์ แล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้มารดาจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่งในข้อหาฐานฉ้อโกง ซึ่งเป็นข้อหาและการกระทำผิดที่มิได้เกี่ยวข้องเป็นคดีเดียวกัน คำร้องของโจทก์ที่ยื่นขอเพิ่มเติมนี้ถือได้ว่าเป็นการฟ้องจำเลยคนใหม่เป็นคดีใหม่เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้ ไม่มีเหตุอันควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163
ย่อยาว
คดีนี้  ชั้นแรกโจทก์ฟ้องนางสาวแถม จำเลยกล่าวหาว่าใช้ยาฆ่าปูผสมข้าวสุกกองไว้ที่ขอบบ่อ  เป็ดของโจทก์ได้มากินถึงแก่ความตาย  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๙, ๓๕๘, ๓๕๙ ข้อ ๒  และให้ใช้ราคาทรัพย์
ในระหว่างนัดไต่สวนมูลฟ้อง  โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่านางเกลี้ยงมารดานางสาวแถมจำเลยมาหาโจทก์แทนนางสาวแถม  ได้พูดจากล่าวเท็จและใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจะชดใช้ค่าเป็ดให้  แล้วนางเกลี้ยงก็ไม่ยอมใช้  โจทก์จึงขอเพิ่มเติมคำฟ้องเดิม  โดยขอเพิ่มเติมนางเกลี้ยงเป็นจำเลยที่ ๒ อีกคนหนึ่ง  และขอให้ลงโทษนางเกลี้ยงตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๔๑, ๓๔๒ ข้อ ๒  และมาตรา ๘๓  ให้ท้ายคำฟ้องที่เพิ่มเติมนี้ลงชื่อนายกมล  วงษ์ภักดี  ทนายโจทก์ในช่องโจทก์ผู้ยื่นคำร้อง  ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า  ฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๑  มีมูลให้ประทัปรับฟ้อง  ส่วนคดีสำหรับนางเกลี้ยงจำเลยที่ ๒  ในข้อหาฐานฉ้อโกง  ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและเคลือบคลุม  ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ เสีย
โจทก์อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ มีมูล  ไม่เคลือบคลุม
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  คำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้ฟ้อง  หากมีลายมือชื่อของทนายซึ่งไม่ปรากฏว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยที่ ๒ ได้  ฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ (๗)  ชอบที่จะยกฟ้อง  พิพากษายืน
โจทก์ฎีกายืดยาวหลายประการ  สรุปแล้วฎีกาว่า  คำร้องเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องสมบูรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์  อ้างว่าฎีกาโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าอย่างไร
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา
ศาลฎีกาสั่งให้รับฎีกาโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ ๒ คือ   นางเกลี้ยง  ที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องเข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่งว่า  เป็นการชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ (๗)หรือไม่  ศาลฎีกาเห็นว่า  คดีนี้  ตามฟ้องเดิมของโจทก์  โจทก์ได้ฟ้องเฉพาะแต่นางสาวแถมเป็นจำเลยในข้อหาว่ากระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และขอให้ใช้ราคราทรัพย์  แล้วต่อมาโจทก์ก็ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยกล่าวหานางเกลี้ยงมารดาจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยอีกคนหนึ่ง  มีข้อกล่าวหาเป็นอีกอย่างหนึ่งว่ากระทำผิดฐานฉ้อโกง  ข้อกล่าวหาตามฟ้องเดิมและตามคำร้องที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนางเกลี้ยงเข้ามาอีกคนหนึ่ง  จึงเป็นข้อหาและการกระทำผิดที่มิได้เกี่ยวข้องเป็นคดีเดียวกัน  และตามคำบรรยายในคำร้องเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายให้เห็นว่าจำเลยเดิมกับจำเลยที่โจทก์ขอเพิ่มเติมเข้ามานี้ได้ร่วมกันกระทำผิดในข้อหาทั้งสองแต่อย่างใดเลย  กรณีเช่นนี้เป็นกรณีที่ฟ้องจำเลยคนใหม่เป็นคดีใหม่เข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง  โจทก์จะมาขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ไม่ได้  ไม่มีเหตุอันควรตามมาตรา ๑๖๓  แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พิพากษายืน

