คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1149/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์จำเลยได้ครอบครองที่นามรดกร่วมกัน 2 แปลง เรียกว่านา ต. กับนา ห. ต่อมาจึงแยกกันทำนา โดยโจทก์ทำนา ต. จำเลยทำนา ห. แต่จำเลยไปขอ น.ส.3 เป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว โจทก์ขอให้แบ่งกันคนละแปลงจำเลยไม่ยอม ขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่นามรดกกับโจทก์คนละแปลง โดยให้โจทก์ได้นา ต. ซึ่งโจทก์ครอบครองอยู่ จำเลยให้การว่าได้แบ่งมรดกกันแล้วโดย นา ต. กับ นา ห. ให้แก่จำเลย ได้ความว่านาทั้งสองแปลงนี้เป็นทรัพย์มรดกที่โจทก์จำเลยได้รับมา โจทก์จำเลยแยกกันทำนาคนละแปลง แต่ต่างฝ่ายต่างครอบครองแทนอีกฝ่ายหนึ่งตลอดมา โจทก์จำเลยต่างยังเป็นเจ้าของนาทั้งสองแปลงร่วมกัน นาต. ก็เป็นทรัพย์มรดกที่จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย จะแบ่งให้แต่โจทก์ฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงพิพากษาว่านาทั้งสองแปลงเป็นทรัพย์มรดกได้แก่โจทก์จำเลย ให้แบ่งนา 2 แปลงนี้ให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยและนายกองได้เขาครอบครองที่นามรดกร่วมกัน ๒ แปลง เรียกว่านาทุ่งตีนบ้านและนาทุ่งหนองสิม โจทก์และนายกองร่วมกันทำนาทุ่งตีนบ้านจนนายกองตายเมื่อ ๗ ปี มาแล้วโดยไม่มีทายาท ส่วนจำเลยทำนาทุ่งหนองสิมตลอดมา ต่อมาจำเลยไปขอ น.ส.๓ ที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว โจทก์ขอให้จำเลยแบ่งนามรดกกันคนแปลงให้โจทก์ได้ที่นาทุ่งตีนบ้าน จำเลยได้ที่นาทุ่งหนองสิม จำเลยไม่ยอมให้โจทก์คนละแปลงโดยให้โจทก์ได้ที่นาทุ่งตีนบ้าน
จำเลยให้การว่า เมื่อนายกองตายโจทก์จำเลยและนางพาน้องสะใภ้ได้แบ่งปันมรดกของบิดามารดาและของนายกองในคราวเดียว ที่นาทุ่งตีนบ้านและทุ่งหนองสิมเป็นส่วนของจำเลย ทรัพย์มรดกนอกนั้นแบ่งให้แก่โจทก์ของนางพา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองนาทุ่งตีนบ้าน ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยอ้างว่าได้มีการแบ่งทรัพย์มรดกกันโดยทายาทต่างเข้าครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัดแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายจำเลยที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้เข้าครอบครองที่นาทุ่งตีนบ้านภายหลังจากที่ได้มีการแบ่งกันแล้ว เมื่อข้อนำสืบของจำเลยฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าครอบครองทำนาทุ่งริมบ้านแต่ผู้เดียวมาเป็นเวลานาน จำเลยและบุตรไม่เคยเข้าทำเลยก็ตาม แต่โจทก์เองก็รับว่าเพียงแต่ตกลงแยกกันกับจำเลยทำนาคนละแปลงโดยต่างฝ่ายต่างไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่นาอีกที่อีกฝ่ายหนึ่งทำ และหลังจากแยกกันทำนาแล้วโจทก์จำเลยและนายกองยังได้ไปแจ้งการครอบครองนาทุ่งริมบ้านและนาทุ่งหนองสิมว่า เป็นเจ้าของร่วมกันตามเอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๓ จึงต้องถือว่าการครอบครองนาทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างฝ่ายต่างครอบครองแทนอีกฝ่ายหนึ่งตลอดมา นาทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างยังเป็นเจ้าของนาทุ่งริมบ้านและนาทุ่งหนองสิมร่วมกันอยู่ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่านาทุ่งริมบ้านและทุ่งหนองสิมได้แบ่งให้กับจำเลยและจำเลยครอบครองแล้วจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น แต่ที่โจทก์ขอให้ศาลแบ่งที่ดินทุ่งริมบ้านและที่โจทก์ครอบครองทำกินอยู่ให้กับโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่านาทุ่งริมบ้านเป็นทรัพย์มรดกที่ฝ่ายจำเลยก็มีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย จะแบ่งตามที่โจทก์ขอไม่ได้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าที่ดินทุ่งริมบ้านและทุ่งหนองสิมเป็นทรัพย์มรดกตกได้แก่โจทก์จำเลย ให้แบ่งที่ดิน ๒ แปลงนี้ให้แก่โจทก์และจำเลยคนละครึ่ง หากตกลงกันไม่ได้ให้ทำการประมูลอันเองหรือขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วน

Share