แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯรวมสองคดีคือคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536ของศาลชั้นต้นและโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วจำเลยอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยให้เบาลงโดยไม่รอการลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้วดังนั้นเมื่อจำเลยกระทำความผิดสองคดีและศาลลงโทษจำคุกทั้งสองคดีจึงสมควรนับโทษจำเลยต่อตามฟ้อง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้และมีคำขอให้ริบของกลางซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดแต่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคำขอดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบเฉพาะไม้สักแปรรูป180ชิ้นซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดซึ่งศาลจะต้องริบศาลฎีกาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225และแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ริบไม้สักแปรรูปของกลางดังกล่าวเสียด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันแปรรูปไม้สัก ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และหลังจากจำเลยทั้งสองแปรรูปไม้ดังกล่าวแล้ว จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ได้และยึดไม้สักแปรรูปดังกล่าว กับยึดได้เครื่องเลื่อยยนต์ 1 เครื่อง กบไฟฟ้า 1 เครื่อง เลื่อยลันดา1 ปื้น อันเป็นอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 2 ได้ และจำเลยที่ 2เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 7, 48, 73, 74, 74 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83ริบของกลางและนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 48, 73, 74 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 ฐานแปรรูปไม้หวงห้าม (ไม้สัก) จำคุกคนละ 2 ปีฐานมีไม้หวงห้าม (ไม้สัก) จำคุกคนละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 4 ปีจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ให้นับโทษจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง,73 วรรคสอง ฐานแปรรูปไม้สัก จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 2 ปีลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุกคนละ 1 ปี ส่วนที่ศาลชั้นต้นให้นับโทษจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 นั้น ไม่ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้พิพากษาแล้วหรือไม่ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อโดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า จำเลยที่ 2ถูกพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้รวมสองคดี คือ คดีนี้อันเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 888/2536กับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ของศาลชั้นต้น โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 2 คดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่889/2536 ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว คดีอาญาหมายเลขแดงที่873/2536 ของศาลศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 2 และให้นับโทษต่อตามฟ้อง คดีอาญาหมายเลขดำที่ 889/2536 ของศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 873/2536 ของศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพียงแต่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ให้เบาลงโดยไม่รอการลงโทษจำคุก จำเลยที่ 2 จึงยังต้องรับโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 873/2536 ของศาลชั้นต้นอยู่ และคดีดังกล่าวก็ถึงที่สุดด้วยแล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำความผิดสองคดีและศาลลงโทษจำคุกทั้งสองคดี จึงสมควรนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อตามฟ้อง
อนึ่ง คดีนี้โจทก์ขอให้ริบของกลาง คือ ไม้สักแปรรูป180 ชิ้น ที่จำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองและเครื่องเลื่อยยนต์1 เครื่อง เลื่อยลันดา 1 ปื้น แม่แรง 1 อัน เหล็กฉาก 2 อันลิ่ว 1 เล่ม มีด 2 เล่ม ไขควง 4 อัน ขวาน 1 เล่ม ดอกสว่าน 1 อันและตลับเมตร 2 อัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเลยทั้งสองใช้ในการกระทำความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคำขอดังกล่าวไม่ชอบเฉพาะไม้แปรรูป 180 ชิ้น เป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองมีไว้เป็นความผิดที่ศาลจะต้องริบและศาลฎีกาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบไม้สักแปรรูป 180 ชิ้น ของกลางและให้นับโทษจำเลยที่ 2 คดีนี้ต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 873/2536 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2