คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเอาวิทยุมือถือของผู้เสียหายไปโดยปราศจากความรู้เห็นยินยอมของผู้เสียหายเพราะขณะนั้นผู้เสียหายนอนหลับแม้จำเลยจะรู้จักกับผู้เสียหายแต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยและผู้เสียหายมีความสนิทสนมกันถึงขนาดที่จำเลยสามารถหยิบฉวยสิ่งของของผู้เสียหายไปได้โดยพลการแสดงให้เห็นว่าจำเลยเอาวิทยุมือถือของผู้เสียหายไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง การที่จำเลยลักเอาเครื่องส่งวิทยุไปเป็นความผิดสำเร็จกระทงหนึ่งและเมื่อจำเลยครอบครองเครื่องส่งวิทยุนั้นต่อมาก็ย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งการกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกันแต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเครื่องส่งวิทยุมือถือโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดกระทงนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยเข้าไปในศูนย์วิทยุของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรีอันเป็นสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร แล้วลักวิทยุมือถือรุ่นไอซี 2 จี ยี่ห้อไอคอมหมายเลขทะเบียน ปท.14313/34พร้อมกล่องถ่านและเสายางอากาศ รวมราคา 9,200 บาทของนายรังสรรค์ สรวมนาม ผู้เสียหาย ซึ่งเก็บไว้ในสถานที่ราชการดังกล่าวไปโดยทุจริต และจำเลยมีเครื่องส่งวิทยุมือถือดังกล่าวอันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 91 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 4, 6, 23
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(8) วรรคสาม และพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 23 ฐานลักทรัพย์ จำคุก 1 ปี และฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 3 เดือนรวมจำคุก 1 ปี 3 เดือน คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 10 เดือน
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(8) วรรคสาม และพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 23 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(8) วรรคสาม ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้เอาวิทยุมือถือของผู้เสียหายไป ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้มั่นคงว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักบานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ ส่วนฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษจำเลยนั้น เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยแล้ว เห็นว่า กรณีเป็นเรื่องร้ายแรงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษแก่จำเลย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์เป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานมีเครื่องส่งวิทยุมือถือโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะการที่จำเลยลักเอาเครื่องส่งวิทยุไปก็เป็นความผิดสำเร็จกระทงหนึ่งและเมื่อจำเลยครอบครองเครื่องส่งวิทยุนั้นต่อมาก็ย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยในคดีนี้จึงถือได้ว่าเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกัน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องแต่โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเครื่องส่งวิทยุมือถือโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลฎีกาจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดกระทงนี้ได้”
พิพากษาแก้เป็น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share