คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 191 นั้น หมายความว่า คู่กรณีจะตกลงกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงอายุความตามกฎหมายให้สั้นเข้ามาหรือให้ยาวออกไปไม่ได้ แต่อายุความก็เป็นระยะเวลาอย่างหนึ่งเหมือนกัน จึงนำความในมาตรา 161 มาใช้ได้ เมื่อวันสุดท้ายแห่งอายุความเป็นวันหยุด ก็ให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นภรรยาของพระยาประสิทธิสงคราม พระยาประสิทธิสงครามมีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมสองในสามส่วนของที่ดิน ๒ แปลง ที่มีชื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ จำเลยที่ ๑ โอนขายที่ดิน ๒ แปลงนี้ ให้แก่จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๒ โอนขายให้แก่จำเลยที่ ๓ โดยจำเลยทั้งสามสมรู้กันแสดงเจตนาลวง ต่อมาจำเลยที่ ๓ โดยการสมคบกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ หลังจากนั้นพระยาประสิทธิสงครามได้ฟ้องจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และโจทก์คดีนี้ และคดีนั้นศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๑ ซึ่งพิพากษาให้ลงชื่อพระยาประสิทธิสงครามในโฉนดให้มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สองในสามส่วน ทำให้โจทก์ต้องเสียกรรมสิทธิ์ในที่ดินไปสองในสามส่วน ซึ่งเงินราคาที่ดินที่เสียไปนี้เป็นลาภมิควรได้ตกแก่จำเลยทั้งสาม กับโจทก์ต้องเสียค่าภาษีที่ดินในระหว่างที่มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวม ๕ ปี ซึ่งเสียไปเพราะการกระทำของจำเลยสองในสามส่วน ทั้งยังต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายในคดีที่ถูกพระยาประสิทธิสงครามฟ้องด้วย ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันใช้เงินให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธความรับผิด กับตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความจำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธความรับผิด ส่วนจำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ในวันนัดชี้สองสถาน โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะคดี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีขาดาอายุความแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอันโจทก์ถือป็นมูลเหตุฟ้องเรียกเงินฐานลาภมิควรได้ และละเมิดจากจำเลยเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๑ วันครบ ๑ ปีนับแต่วันอ่าน คือวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๒ แต่วันนั้นเป็นวันอาทิตย์หยุดราชการ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ จำเลยฎีกาว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๑ อายุความหาอาจขยายหรือย่นได้ไม่ และจะนำมาตรา ๑๖๑ มาใช้ก็ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าความมาตรา ๑๙๑ นั้นหมายความว่า คู่กรณีจะตกลงกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงอายุความตามกฎหมายให้สั้นเข้ามาหรือให้ยาวออกไปย่อมไม่ได้ แต่ในเรื่องที่อายุความครบกำหนดลงในวันหยุดนั้น มีบัญญัติไว้ตามมาตรา ๑๖๑ ว่า ถ้าวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเป็นวันหยุด ซึ่งตามประเพณีงดเว้นการงาน ท่านให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย จึงนำความข้อนี้มาใช้ในกรณีเรื่องอายุความได้ เพราะอายุความก็เป็นระยะเวลาอย่างหนึ่งเหมือนกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๗๙/๒๔๙๓ พิพากษายืน

Share