แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำกัดมีลวดเก็บไว้ในโกดังของบริษัท โดยมีแขกยามเฝ้ารักษา ย่อมถือว่าลวดอยู่ในความครอบครองของบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคล เมื่อไม่มีการแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ ในกรณีเช่นนี้ต้องถือว่า บริษัทเป็นผู้กระทำผิดกรรมการหรือผู้จัดการไม่มีความผิดเป็นส่วนตัว
ข้อเท็จจริงได้ความไม่ตรงกับที่บรรยายฟ้องหรือไม่นำสืบให้สมฟ้อง ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องของกลางและเรื่องจ่ายเงินรางวัล ให้คืนของกลางไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ โดยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บลวดสังกะสี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมลวดของกลางเป็นของบริษัทอิสต์เอเชียติ๊ก ๆ ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการฯ ให้ขายได้ ครั้นวันที่ 26 ตุลาคม 2491 ลวดรายนี้จึงตกไปอยู่ในโกดังของบริษัทอันเชี้ยง จำกัด ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการและกรรมการบริษัทอันเชียง จำกัดซื้อในนามบริษัท ชำระราคาโดยเช็คของบริษัทและลงบัญชีเงินสดของบริษัท จึงเห็นว่า ลวดของกลางรายนี้เป็นของบริษัทอันเชียง จำกัด ได้เก็บไว้ในโกดังของบริษัทโดยมีแขกยามเฝ้ารักษา ก็ย่อมเห็นได้ประจักษ์ว่าอยู่ในความครอบครองของบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้บริษัทเป็นผู้กระทำผิดได้จะโอนความผิดให้ไปตกอยู่แก่กรรมการหรือผู้จัดการเป็นส่วนตัวหาได้ไม่จำเลยจึงไม่มีความผิด ทั้งข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาก็ไม่ตรงกับข้อที่บรรยายในฟ้อง
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องในส่วนตัวจำเลยที่ 2ของกลางคืนไป