แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ชนต่างด้าวที่มีภูมิลำเนาอยู่นอกประเทศนำเรือเข้ามาทำผิดภายในเขตการประมงไทย เรือรบไทยไล่ตามจับได้ห่างฝั่ง 6 ไมล์ อันเป็นท้องทะเลหลวง ดังนี้ ถือว่าการจับย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันลักบอบทำการประมงในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงไทย ๒๔๘๒ พ.ร.บ.การประมง ๒๔๙๐
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย ๒๔๘๒ มาตรา ๗-๑๐-๑๑ และ พ.ร.บ.ประมง ๒๔๙๐ มาตรา ๒๐-๖๒-๖๕ และ ๖๙ แต่ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตประมงไทย ๒๔๘๒ มาตรา ๑๑ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๖ เดือน จำเลยนอกนั้นปรับคนละ ๑๕๐ บาท เรือของกลางและของกลางอื่นให้ริบ เว้นแต่ธงอังกฤา ธงจีน ไม่ริบ ข้อหาอื่นให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายติวโปวาฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าจำเลยได้ใช้เรือของกลางทำการจับสัตว์น้ำโดยใช้วิธีระเบิดภายในเขตประมงไทย เรือรบไล่ตามจับเรือของกลางและจำเลยได้ห่างฝั่งกลับตัน ๖ ไมล์อันเป็นท้องทะเลหลวงเช่นนี้ การจับรายนี้จึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องเรือของกลางนั้น แม้เจ้าของเรือและผู้เช่าจะอยู่สิงค์โปร์ก็ดี ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.๒๔๘๒ มาตรา ๑๐ วรรคท้ายก็บัญญัติไว้ให้ศาลมีอำนาจริบได้ และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าผู้ร้องน่าจะมีส่วนรู้เห็นในการที่จำเลยจะเอาเรือไปใช้ในการกระทำผิดด้วย
จึงพิพากษายืน