แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่อายัดจำนวน 15,875,688.13 บาท ผู้พิพากษาคนเดียวในศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขอแล้วสั่งว่า ผู้ร้องไม่อาจร้องขอเพิกถอนให้ปล่อยทรัพย์ที่อายัด ไม่รับคำร้อง เป็นการวินิจฉัยอำนาจในการยื่นคำร้องขอของผู้ร้องว่าไม่มีอำนาจตามกฎหมาย อันเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามความหมายแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 131 (2) แล้ว ซึ่งมีผลเป็นการพิพากษายกคำร้องขอของผู้ร้องทันที โดยมิได้มีคำสั่งรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้ก่อน กรณีมิใช่เรื่องที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 18 เมื่อปรากฏว่าในการสั่งคำร้องขอของศาลชั้นต้นมีผู้พิพากษาคนเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 24 (2) เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี ซึ่งต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 40,260,954.55 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินจำนวน 22,680,265.40 บาท ต่อมาบริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)ได้หักราคาสินค้าคืนและส่งเงินจำนวน 15,875,688.13 บาท มายังศาลแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้ระงับการจ่ายเงิน จำนวน 15,875,688.13 บาท และคืนเงินให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีการร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดมีได้เฉพาะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ซึ่งเป็นการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ที่ต้องมีการนำออกขายทอดตลาด ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจร้องขอเพิกถอนให้ปล่อยทรัพย์ที่อายัด ไม่รับคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่อายัดได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งว่า “กรณีการร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดมีได้เฉพาะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ซึ่งเป็นการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ที่ต้องมีการนำออกขายทอดตลาด ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจร้องขอเพิกถอนให้ปล่อยทรัพย์ที่อายัด ไม่รับคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด” คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นการวินิจฉัยอำนาจในการยื่นคำร้องของผู้ร้องว่าไม่มีอำนาจตามกฎหมาย อันเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131 (2) แล้ว ซึ่งมีผลเป็นการพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องทันที โดยมิได้มีคำสั่งรับคำร้องของผู้ร้องไว้ก่อน กรณีมิใช่เรื่องที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าในการสั่งคำร้องของศาลชั้นต้นมีผู้พิพากษาคนเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอจึงเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 24 (2) เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี ซึ่งต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 กรณีจำต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีโดยให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่