คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนสืบพยานโจทก์ บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์แทนผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นสอบโจทก์โจทก์แถลงรับว่าผู้ร้องเป็นบิดาของผู้เสียหาย ทั้งเป็นผู้ร้องทุกข์คดีนี้ในชั้นสอบสวนจริง ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดี เช่นนี้โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งว่า คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นไม่ชอบ เพราะผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ด้วยตัวเองโดยตรงด้วย บิดาผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจถอนคำร้องทุกข์โดยลำพังนั้นหาได้ไม่ เพราะเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่
ผู้ร้องทุกข์ย่อมมีอำนาจถอนคำร้องทุกข์ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายเองหรือร้องทุกข์ในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยจนสำเร็จความใคร่ ๑ ครั้ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ก่อนสืบพยานโจทก์ นายนวน ปัดถา บิดานางสาวสมดี ปัดถาผู้เสียหายยื่นคำร้องต่อศาลว่า นางสาวสมดีมีอายุ ๑๖ ปี ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่เกิดเหตุเรื่องนี้เป็นเวลา ๑ ปีเศษมาแล้ว ไม่ทราบที่อยู่อันแน่นอนผู้ร้องจึงขอถอนคำร้องทุกข์แทนผู้เสียหายไม่ประสงค์ดำเนินคดีเอาโทษจำเลยต่อไป
ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ โจทก์แถลงรับรองว่านายนวนเป็นบิดาของนางสาวสมดีทั้งเป็นผู้ร้องทุกข์คดีนี้ในชั้นสอบสวนจริง การที่นายนวนขอถอนคำร้องทุกข์ ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้เป็นความผิดอันยอมความกันได้เมื่อผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์คดีนี้ได้ขอถอนคำร้องทุกข์ซึ่งมีอำนาจกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๒๖ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามมาตรา ๓๙ (๒) จึงให้จำหน่ายคดี
โจทก์อุทธรณ์ว่า คดีนี้นางสาวสมดีผู้เสียหายได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานในวันเกิดเหตุนั้นเอง จึงเป็นผู้ร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงแม้นายนวนบิดาจะได้ร้องทุกข์ในคดีนี้ด้วย ก็จะถอนคำร้องทุกข์แทนนางสาวสมดีซึ่งขณะเกิดเหตุมีอายุ ๑๖ ปีไม่ได้ ในเมื่อไม่ได้รับความยินยอมจากนางสาวสมดี
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องของผู้แทนโดยชอบธรรม คือนายนวนบิดานางสาวสมดี ซึ่งเป็นผู้เยาว์ถูกข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้แทนโดยชอบธรรมมีอำนาจจัดการแทนผู้เยาว์ในการร้องทุกข์หรือยอมความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓ ย่อมมีอำนาจถอนคำร้องทุกข์แทนผู้เยาว์ได้พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเห็นว่า เมื่อตอนนายนวนยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอถอนคำร้องทุกข์ ศาลชั้นต้นก็ได้สอบถามโจทก์แล้ว แทนที่โจทก์จะคัดค้านประการใด กลับแถลงยอมรับว่านายนวนเป็นบิดานางสาวสมดีและเป็นผู้ร้องทุกข์ในชั้นสอบสวนจริง ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้นายนวนถอนคำร้องทุกข์และจำหน่ายคดีเสีย คำสั่งศาลชั้นต้นเช่นนี้จึงเป็นการถูกต้องแล้วโจทก์จะกลับมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์ว่านายนวนไม่มีอำนาจถอนคำร้องทุกข์ตามลำพังหาได้ไม่ เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่
อนึ่ง ที่โจทก์ฎีกาว่า ในกรณีที่ผู้แทนโดยชอบธรรมจัดการร้องทุกข์แทนผู้เยาว์นั้น ผู้แทนโดยชอบธรรมจะถอนคำร้องทุกข์ไม่ได้เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓ ไม่ได้ให้อำนาจไว้และจะอาศัยอำนาจถอนคำร้องทุกข์ตามมาตรา ๑๒๖ ก็ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องทุกข์ย่อมมีอำนาจถอนคำร้องทุกข์ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายเองหรือร้องทุกข์ในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๒๖ ดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๔/๒๔๙๔ ที่โจทก์อ้างมาในฎีกานั้นข้อเท็จจริงไม่ตรงกับเรื่องนี้ ในเรื่องนั้นผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุ ๑๗ – ๑๘ ปี ได้ร้องทุกข์ด้วยตนเอง ขณะสืบตัวผู้เสียหายอยู่นั้น บิดาผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ ศาลสอบถามผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ยินยอมศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่าบิดาผู้เสียหายหามีอำนาจถอนคำร้องทุกข์อันเป็นการฝืนความประสงค์ของผู้เสียหายได้ไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์เสีย

Share