แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีผู้ลักปากกามาขายให้โจทก์ โจทก์ซื้อไว้แล้วนำมาขายให้กับจำเลยโดยจำเลยไม่รู้ ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจยึดปากกาไปจากจำเลยและคืนให้เจ้าของไป ถือว่าเป็นการรอนสิทธิจำเลยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายต้องรับผิด จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเป็นค่าปากกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด เลขที่ เอ๊กซ์ ๗๙๕๖๐๗ สั่งจ่ายเงิน ๕,๕๐๐ บาทให้โจทก์ เพื่อชำระค่าสินค้า โจทก์นำเช็คดังกล่าวขอเบิกเงินจากธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยจำเลยมีเจตนาทุจริต อายัดเช็ครายนี้ไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ และให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ๕,๕๐๐ บาทแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วรับประทานฟ้อง
จำเลยให้การว่า โจทก์ขายปากกาเชฟเฟอร์ ๗๐ ด้ามให้จำเลยเป็นเงิน ๑๐,๕๐๐ บาท จำเลยออกเช็คชำระหนี้ ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งสั่งจ่ายเงิน ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ได้รับเงินจากธนาคารไปแล้ว ส่วนอีกฉบับหนึ่ง ๕,๕๐๐ บาท ยังไม่ถึงกำหนดเวลารับเงินตามเช็ค แต่เจ้าพนักงานตำรวจยึดปากกาที่จำเลยรับซื้อไว้จากโจทก์หมดสิ้น โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักมาเพื่อนำไปประกอบคดี จำเลยจึงได้อายัดการจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าโจทก์ได้ปากกามาโดยสุจริต หนี้สินรายพิพาทไม่มีมูลที่โจทก์จะเรียกร้องได้ เพราะเป็นหนี้ที่ก่อขึ้นโดยผิดกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเฉพาะคดีส่วนอาญา และให้จำเลยใช้เงินตามเช็คเป็นเงิน ๕,๕๐๐ บาทให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์คดีส่วนแพ่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นชัดว่าโจทก์ผู้ขายไม่สุจริตรู้ถึงความบกพร่องของทรัพย์สินคือปากกาที่ขายให้จำเลยอยู่แล้วในเวลาตกลงซื้อขายกัน ทั้งปากกาที่ซื้อขายกัน ทั้งปากกาที่ซื้อขายกันทั้งหมดเจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดและคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงไปแล้ว เมื่อทรัพย์สินที่ซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมดเพราะเหตุแห่งการรอนสิทธิซึ่งจำเลยผู้ซื้อไม่ได้รู้ในเวลาซื้อขาย ผู้ขายย่อมต้องรับผิดในการรอนสิทธินั้น ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องตามเช็คจากจำเลยได้
พิพากษายืน