คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับเหมางานก่อสร้างทั่วไปตามที่จะประมูลได้ต้องหมายความว่าการรับเหมางานก่อสร้างทุกชนิดเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลยโครงการก่อสร้างท่าเรือนำลึกเกาะสีชังที่จำเลยประมูลได้เป็นงานก่อสร้างจึงเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย ตามสัญญาจ้างเอกสารหมายจล.1ถึงจล.9จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานในโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเกาะสีชังระยะที่1ซึ่งแม้ตามสัญญาจ้างจะกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาจ้างไว้แต่ตามสัญญาจ้างข้อ15การต่อสัญญาจ้างมีข้อความว่าในกรณีที่สัญญาสิ้นสุดตามกำหนดแต่โครงการยังไม่แล้วเสร็จจำเลยอาจพิจารณาต่อสัญญากับลูกจ้างตามความจำเป็นของงานทั้งนี้จะได้ทำการตกลงกับลูกจ้างที่ได้รับการต่อสัญญาเป็นรายๆไปสัญญาจ้างที่จำเลยว่าจ้างโจทก์ซึ่งเป็นการว่าจ้างให้ทำงานในโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเกาะสีชังระยะที่1ทั้งโครงการและเมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างหากโครงการยังไม่เสร็จก็มีการต่อสัญญากันได้อีกเช่นนี้จึงไม่ใช่เป็นการจ้างให้ทำงานในลักษณะที่เป็นครั้งคราวตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ46

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งเก้าเป็นลูกจ้างจำเลย ทำงานในตำแหน่งช่างเชื่อม ช่วงผู้ช่วยช่าง ต่อมาวันที่ 30 กันยายน 2538และวันที่ 31 ตุลาคม 2538 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งเก้าอ้างเหตุว่างานหมด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งเก้าตามลำดับ
จำเลยให้การว่า สัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ทั้งเก้าเป็นสัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนไม่เกิน 2 ปีและจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์แต่ละคนตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาแต่ละฉบับ ซึ่งงานที่จำเลยจ้างโจทก์แต่ละคนทำนั้นเป็นงานโครงการมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอน อีกทั้งยังเป็นงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุดหรือความสำเร็จของงาน และมีกำหนดแล้วเสร็จของานภายในเวลาไม่เกิน 2 ปีขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งเก้าเป็นลูกจ้างรายวัน จำเลยประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ตามที่ประมูลได้ประกอบกิจการดังกล่าวมาประมาณ 5 ปี โครงการแต่ละโครงการจะทำสัญญาจ้างกับลูกจ้างเป็นช่วงระยะเวลาตามโครงการทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงานหรือโครงการที่ว่าจ้าง ไม่มีโครงการหรืองานใดมีระยะเวลาเกิน 2 ปี เฉพาะโครงการที่จ้างโจทก์ทั้งเก้าเริ่มโครงการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2537 และสิ้นสุดโครงการเดือนมกราคม 2539 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งเก้าเพราะครบตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาตามเอกสารหมาย จล.1 ถึง จล.9 และวินิจฉัยว่าการประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงการหรืองานต่าง ๆ ของจำเลยเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย แม้จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ทั้งเก้าที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้นก็ตาม จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งเก้าในค่าชดเชยพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งเก้า
จำเลย อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 มีข้อความระบุไว้ในวรรคสามและวรรคสี่มีใจความว่า นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น แต่ต้องเป็นการจ้างในโครงการที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้าง หรืองานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุดหรือความสำเร็จของงาน จำเลยยอมรับว่าจำเลยรับเหมางานก่อสร้างทั่วไปตามที่จะประมูลได้ ซึ่งต้องหมายความว่าการรับเหมาก่อสร้างทุกชนิดเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเกาะสีชังที่จำเลยประมูลได้ย่อมเห็นได้ชัดแจ้งว่าเป็นงานก่อสร้างเช่นเดียวกันจึงเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย ส่วนที่จำเลยอ้างว่าตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จล.1 ถึง จล.9 จำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ทั้งเก้าทำงานที่มีลักษณะครั้งคราวนั้น ตามสัญญาจ้างดังกล่าวจำเลยว่าจ้างโจทก์ทั้งเก้าให้ทำงานในโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเกาะสีชัง ระยะที่ 1 ซึ่งแม้ตามสัญญาจ้างจะกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาจ้างข้อ 15 การต่อสัญญาจ้างมีข้อความว่าในกรณีที่สัญญาสิ้นสุดตามกำหนดแต่โครงการยังไม่แล้วเสร็จ บริษัทฯ อาจพิจารณาต่อสัญญากับลูกจ้างตามความจำเป็นของงาน ทั้งนี้จะได้ทำการตกลงกับลูกจ้างที่ได้รับการต่อสัญญาเป็นราย ๆ ไป เห็นว่า สัญญาจ้างที่จำเลยว่าจ้างโจทก์ทั้งเก้าเป็นการว่าจ้างให้ทำงานในโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเกาะสีชัง ระยะที่ 1 ทั้งโครงการและเมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้าง หากโครงการยังไม่เสร็จก็มีการต่อสัญญากันได้อีก เช่นนี้ จึงไม่ใช่เป็นการจ้างให้ทำงานในลักษณะที่เป็นครั้งคราว
พิพากษายืน

Share