แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 123 ก็ดี กฏเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถานชะนิดศาลเจ้าก็ดี หาได้ให้
อำนาจคณะกรรมการอำเภอหรือตัวนายอำเภอที่จะฟ้องร้องคดีเรื่องที่กุศลสถานชะนิดศาลเจ้าไม่ ฉะนั้นคณะกรรม
การหรือนายอำเภอจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลออกจากที่กุศลสถานชะนิดศาลเจ้า แต่ผู้ที่ได้รับแต่งตั้ง
จากข้าหลวงประจำจังหวัดให้เป็นผู้ปกครองศาลเจ้า ย่อมอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ ได้./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ของศาลเจ้าส้ำเล่งเตี๋ยน ซึ่งเป็นของรัฐบาล โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย.
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นที่ของบรรพบุรุษได้รับมรดกตกทอดกันมาถึงจำเลย.
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คณะกรรมการอำเภอเมืองสงขลา ไม่มีอำนาจฟ้อง คงมีอำนาจแต่นายบุญชัยโจทก์ แล้วพิพากษาขับไล่
จำเลย.
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๓ ก็ดี กฎเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถานชะนิดศาลเจ้าก็ดี หาได้
ให้อำนาจคณะกรรมการอำเภอหรือตัวนายอำเภอ ที่จะฟ้องร้องคดีเรื่องที่กุศลสถานชะนิดศาลเจ้า ไม่ ยิ่งคณะกรรมการอำ
เภอไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย นายอำเภอจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกา ที่ ๑๘๙๓/๒๔๙๓ แต่
นายบัญชัยได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัด ให้เป็นผู้ปกครองศาลเจ้านี้ จึงมีอำนาจหน้าที่ตามกฎข้อบังคับสำหรับ
การนี้ คือตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ และกฎเสนาบดีดังกล่าวแล้วมีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ได้.
ส่วนข้อเท็จจริง คงฟังว่าจำเลยอาศัยจึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับชคดีตามศาลชั้นต้น ฯลฯ