แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาจะขายที่ดินให้ผู้ซื้อคนแรก โดยส่งมอบที่ดินให้เขาครอบครองและได้รับเงินค่าที่ดินไปแล้ว กลับเอาที่ดินนั้นไปจดทะเบียนโอนขายให้คนอื่นโดยผู้รับโดยได้รู้ถึงคามจริงเป็นทางให้ผู้ซื้อคนแรกซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบแล้ว ผู้ซื้อคนแรกก็มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่พิพาทนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ขายที่ดินมีโฉนด เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ให้โจทก์ราคา ๕,๐๐๐ บาท โจทก์ได้ปลูกเรือนและชำระราคาโดยชำระเงินกู้ให้จำเลยตามข้อตกลงรวมทั้งผ่อนชำระราคาที่ดินให้จำเลยที่ ๑ ครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยที่ ๑ กลับไปโอนที่ดินให้จำเลยที่ ๒-๓ โดยสมยอมกัน จึงขอให้ศาลเพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑ กับที่ ๒ ที่ ๓ ให้จำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ ๑
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ได้ซื้อที่พิพาทไว้จากจำเลยที่ ๑ ก่อน แต่ยังมิได้จดทะเบียนโดยแล้วจำเลยที่ ๑ จึงมาจดทะเบียนโอนให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ โดยเสียค่าตอบแทน ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ใช้สิทธิไม่สุจริต พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จดทะเบียนโอนที่พิพาทไม่สุจริต เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะจะให้จดทะเบียนสิทธิได้อยู่ก่อนแล้ว พิพากษากลับให้เพิกถอน สัญญาซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยที ๑ กับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เสีย ให้จำเลยที่ ๑ โอนที่พิพาทให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือคำพิพากษานี้เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ผู้เป็นลูกหนี้ได้จดทะเบียนโอนที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้ได้ที่พิพาทไปก็ได้รู้ข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบนั้นด้วย เช่นนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๓๗ บัญญัติว่า โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ก็ขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ นั้นเสียได้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยที่ ๒ ที่ ๓