คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีไปได้นั้น ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับให้ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลย และแม้ศาลจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องแล้วมีคำพิพากษาชี้ขาดคดีไปตามประเด็นข้อพิพาทโดยพิพากษาให้จำเลยชนะคดี ศาลก็อาจไม่สั่งให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับกันไปก็ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรา30 แห่งพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 14)พ.ศ.2529 ที่จะได้รับการยกเว้นจากการเรียกตรวจสอบ ไต่สวน และประเมินภาษี แต่จำเลยได้ประเมินเรียกเก็บภาษีจากโจทก์จำนวน457,847 บาทซึ่งไม่ชอบด้วยกฏหมายดังกล่าวขอให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการตรวจสอบและการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีพ.ศ.2523-2527 จำนวนดังกล่าวและเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ภ.ส.7 เลขที่ 22/2530/1 ลงวันที่9 มกราคม 2530
จำเลยทั้งสามให้การว่าการที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่1 ซึ่งประกอบด้วยจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ออกหมายเรียกโจทก์ทำการตรวจสอบไต่สวนเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีพ.ศ.2523-2527 และทำการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ในวันนัดฟังคำพิพากษาทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ทนายจำเลยแถลงคัดค้านว่าศาลไม่ควรอนุญาตให้ถอนเพราะฝ่ายโจทก์จะต้องรับผิดเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมให้จำเลยด้วย ศาลภาษีอากรกลางพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความคืนค่าธรรมเนียมให้เป็นพิเศษ โดยเหลือค่าขึ้นศาลไว้ 1,000 บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้โดยไม่ได้สั่งให้โจทก์รับผิดเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยตามกฎหมายไว้อย่างไร จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลภาษีอากรกลางแล้วให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยพิจารณาพิพากษายกฟ้องโจทก์กับให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความทั้งสองศาลแก่จำเลยทั้งสามด้วย
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ‘ตามที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในกรณีที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีไปได้นั้นไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติบังคับให้ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลย ทนายจำเลยทั้งสามก็มีความเห็นเช่นเดียวกันนี้จึงได้แถลงคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์จะต้องรับผิดเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมให้จำเลย ซึ่งบ่งชี้ว่าทนายจำเลยก็เข้าใจว่าหากศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องศาลก็จะไม่สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวจึงได้คัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์สำหรับคำสั่งของศาลภาษีอากรกลางที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปได้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยที่ศาลภาษีอากรกลางใช้ดุลพินิจเช่นนั้น เพราะไม่ทำให้จำเลยทั้งสามเสียเปรียบ แต่น่าจะเป็นคุณแก่จำเลยทั้งสามมากกว่า แม้ในคดีนี้หากศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องแล้วมีคำพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีไปตามประเด็นข้อพิพาทโดยพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชนะคดี ศาลภาษีอากรกลางก็อาจไม่สั่งให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสามก็ได้โดยอาจสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับกันไปก็ย่อมทำได้ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share