คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าวินิจฉัยยกคำร้องคัดค้านของโจทก์โจทก์มิได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า หรือนำคดีไปสู่ศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับคำวินิจฉัยของนายทะเบียน นายทะเบียนจึงได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นให้แก่จำเลย ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิผู้เดียวเพื่อใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกที่ได้จดทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2474 มาตรา 27 โจทก์จะอ้างว่าจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนคล้ายเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ด้วยประการใดๆ อีกหาได้ไม่ และไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย หรือบังคับให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าที่จำเลยได้จดทะเบียนไว้นั้นอีกได้
ที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้ามาก่อนได้รับจดทะเบียน แม้จะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในระยะเวลานั้น แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องเกินหนึ่งปีย่อมขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
แม้จำเลยจะเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วถ้าจำเลยได้กระทำการโดยไม่สุจริต เช่น เอาเครื่องหมายการค้าของจำเลยดัดแปลงให้เหมือนของโจทก์ ก็อาจเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ แต่เมื่อจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าตามที่จดทะเบียนไว้โดยมิได้ดัดแปลงให้ผิดแผกเป็นอย่างอื่น ย่อมชอบที่จะกระทำได้ หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่
โจทก์ฟ้องว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านหรือพูดเร็วฟังเสียงคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก และยังผลิตสินค้ากางเกงให้มีสีและใช้กระดุมสีเดียวกับสินค้าของโจทก์ ทำให้บุคคลที่พบเห็นเข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โดยจำเลยมีเจตนาลวงประชาชนให้เข้าใจเช่นนั้น แม้จะเป็นความจริง ก็มีเครื่องหมายการค้าของจำเลยซึ่งต่างกับของโจทก์ติดอยู่ที่สินค้ากางเกงเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วจึงไม่ถึงขนาดที่จะฟังว่าเป็นการทำให้ปรากฏที่สินค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272 (1) อันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า “LEE” และ”LEE RIDERS” มีรูปคนขี่ม้าอยู่บนแผ่นตราสลากติดกับสินค้ากางเกงได้รับจดทะเบียนแล้วในสินค้าจำพวก ๓๘ จำเลยได้ละเมิดสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนคล้ายเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นตัวอักษร “LEG” และ “LEG RIDERS” บนตราแผ่นสลากและมีรูปคนขี่ม้าติดกับกระเป๋าหลังกางเกงด้านขวาเช่นเดียวกับโจทก์ ทั้งยังได้นำไปขอจดทะเบียนและได้รับจดทะเบียนแล้ว ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย ห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้า และให้นายทะเบียนถอนคำขอจดทะเบียนของจำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยไม่เหมือนคล้ายของโจทก์จำเลยไม่ได้ละเมิดสิทธิ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ชั้นพิจารณา คู่ความรับข้อเท็จจริงกันบางประการ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า “LEE” และ”LEE RIDERS” จำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า “LEG” และ “LEG RIDERS”ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วสำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน สินค้าที่เป็นมูลพิพาทคือกางเกงซึ่งมีเครื่องหมายการค้าและรูปคนขี่ม้าขนแผ่นตราสลากติดกับกระเป๋าด้านหลังอย่างเดียวกัน เมื่อจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียน โจทก์ร้องคัดค้าน นายทะเบียนสั่งยกคำร้องคัดค้านของโจทก์และรอการจดทะเบียนไว้๙๐ วัน เพื่อรอฟังโจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าหรือนำคดีมาฟ้องศาล แต่โจทก์มิได้ดำเนินการอย่างใด เพิ่งฟ้องคดีนี้หลังจากนายทะเบียนสั่งยกคำร้องคัดค้านแล้ว ๔ ปีเศษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์เป็นสองระยะคือ ก่อนระยะเวลาที่นายทะเบียนจะมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของโจทก์ตลอดมาจนถึงก่อนครบกำหนด ๙๐ วัน ภายหลังที่นายทะเบียนมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของโจทก์ระยะหนึ่ง และหลังจากพ้น ๙๐ วันดังกล่าวแล้วนั้นอีกระยะหนึ่ง ในระยะแรกจำเลยยังไม่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย การที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าในลักษณะที่โจทก์กล่าวในฟ้องในระยะนั้น แม้จะฟังว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องเกิน ๑ ปี จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ แล้ว ส่วนข้อหาว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์ช่วงระยะเวลาหลังตั้งแต่พ้นกำหนด ๙๐ วันนับแต่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของโจทก์แล้วนั้น โจทก์มิได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าหรือนำคดีขึ้นสู่ศาลและนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แก่ฝ่ายจำเลยไปแล้วดังกรณีนี้ ต้องถือว่าจำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า มีสิทธิผู้เดียวเพื่อใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกที่ได้จดทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพุทธศักราช ๒๔๗๔ มาตรา ๒๗ โจทก์จะอ้างว่าจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนคล้ายเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ด้วยประการใด ๆ อีกหาได้ไม่ และไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยหรือบังคับให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าที่จำเลยได้จดทะเบียนไว้นั้นอีกได้
โจทก์ยังมีคำขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์เสียหายต่อชื่อเสียและขายสินค้าตกต่ำไป และให้เก็บทำลายสินค้าของจำเลยที่ใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนของโจทก์ ทั้งนี้โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนคล้ายเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์รวมหลายประการ สรุปแล้วก็เป็นดังตัวอย่างที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนอกจากนี้ยังมีข้อหาต่อไปว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านหรือพูดเร็วฟังเสียงคล้ายของโจทก์มาก และยังผลิตสินค้ากางเกงให้มีสีและใช้กระดุมสีเดียวกับสินค้าของโจทก์ ทำให้บุคคลที่พบเห็นเข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์โดยจำเลยมีเจตนาลวงประชาชนให้เข้าใจเช่นนั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าของจำเลย แต่ถ้าจำเลยได้กระทำการโดยไม่สุจริตเช่นเก่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยดัดแปลงให้เหมือนของโจทก์ เป็นต้นก็อาจเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้เมื่อได้พิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวหาจำเลยเป็นมูลละเมิดดังที่บรรยายมาในฟ้อง ศาลฎีกาเห็นเป็นการเพียงพอที่จะชี้ขาดคดีนี้ไปได้ทีเดียวโดยไม่จำต้องให้ศาลชั้นต้นสืบพยานในประเด็นข้อนี้อีก ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยใช้หรือดัดแปลงเครื่องหมายการค้าให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ตามตัวอย่างที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องจนเหมือนคล้ายเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพุทธศักราช ๒๔๗๔ มาตรา ๒๗ บัญญัติให้บุคคลซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิผู้เดียวเพื่อใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าทั้งหมดในจำพวกหนึ่งหรือหลายจำพวกที่ได้จดทะเบียนไว้ เมื่อจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าตามที่จดทะเบียนมิได้ดัดแปลงให้ผิดแผกเป็นอย่างอื่น จึงชอบที่จะกระทำได้ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ส่วนที่โจทก์กล่าวหาต่อไปว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านหรือพูดเร็วฟังเสียงคล้ายของโจทก์มาก และยังผลิตสินค้ากางเกงให้มีสีและใช้กระดุมสีเดียวกับสินค้าของโจทก์ทำให้บุคคลที่พบเห็นเข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โดยจำเลยมีเจตนาลวงประชาชนให้เข้าใจเช่นนั้น แม้จะเป็นความจริงก็ไม่ถึงขนาดที่จะฟังว่าเป็นการทำให้ปรากฏที่สินค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๒(๑)ซึ่งถือเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะมีเครื่องหมายการค้าของจำเลยต่างกับของโจทก์ติดอยู่ที่กางเกงเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายหรือให้เก็บทำลายสินค้าของจำเลยเช่นเดียวกัน
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share