คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาไปจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่ได้ออกหมายจับ จำเลยไปจับผู้ต้องหาโดยเข้าใจว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้ถือเป็นหลักปฏิบัติกันตลอดมาว่าไปจับได้ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการมิชอบ จำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2, 3 รับราชการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพัทลุง จำเลยที่ 4 เป็นราษฎรได้ร่วมกันกระทำผิดกล่าวคือได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ขู่เข็ญให้นายกลับ นางเลื่อน ส่งเงินให้ 500 บาท ถ้าไม่ให้จะจับกุมนายเริ่มต่อมาจำเลยที่ 1, 2, 3 ได้จับกุมนายเริ่มและหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ที่สถานีตำรวจ นายเริ่มได้ร้องทุกข์แล้ว ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 310, 337, 83

จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2, 3 จับนายเริ่มตามคำร้องทุกข์ไม่ได้กระทำโดยเจตนากลั่นแกล้ง ขาดเจตนาตามมาตรา 59จึงไม่ผิดตามมาตรา 310 ส่วนข้อหาเรียกเอาเงินนั้น ไม่เชื่อพยานหลักฐานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 2, 3 จับนายเริ่มโดยไม่มีหมายจับเป็นการมิชอบ เพราะมิใช่เป็นความผิดซึ่งหน้า และกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 ข้อ 4 กล่าวคือการจับโดยไม่มีหมายจับนั้นจะต้องเป็นเรื่องแจ้งให้จับในปัจจุบันทันด่วน ไม่มีโอกาสที่จะย้อนกลับไปเอาหมายเรียกหรือหมายจับมาได้ทันท่วงทีการที่พันตำรวจตรีประธานและจำเลยที่ 1 สั่งด้วยวาจาให้จำเลยที่ 2, 3 ไปจับกุมนายเริ่มด้วยวาจา เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย จะอ้างว่าทางตำรวจเคยปฏิบัติกันมาดังนั้นหาได้ไม่พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1, 2, 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 84 ให้จำคุกคนละ 3 เดือน ให้รอการลงโทษไว้คนละ 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1, 2, 3 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีปัญหาว่า การที่จำเลยที่ 2, 3 ไปจับนายเริ่มตามที่พันตำรวจตรีประธานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยทั้งสองสั่งให้ไปจับโดยไม่มีหมายจับนั้นจำเลยที่ 2, 3 จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2, 3 ไปจับนายเริ่มในกรณีดังกล่าวข้างต้น เป็นเรื่องไปจับตามคำสั่งของพันตำรวจตรีประธานซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน ถึงแม้จะสั่งด้วยวาจามิได้ออกหมายจับให้ไปก็ดีจำเลยก็เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาซึ่งได้ถือเป็นหลักปฏิบัติกันตลอดมาว่าไปจับได้ ทั้งตามพฤติการณ์ที่ปรากฏก็น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองน่าจะเข้าใจว่า ตามที่พันตำรวจตรีประธานสั่งให้ไปจับนายเริ่มด้วยวาจาโดยมิได้ออกหมายจับให้ไปนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะได้ถือปฏิบัติกันเช่นนั้นตลอดมา ฉะนั้นถึงแม้การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจะเป็นการมิชอบจำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70 ถึงแม้ในเบื้องต้นจำเลยที่ 1 จะเป็นผู้สั่งให้จำเลยที่ 2, 3ไปจับก็ตาม แต่ตอนไปจับ จำเลยที่ 2, 3 มิได้ไปจับตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงมิได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share