แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือน ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่า จำเลยมีเจตนาเข้าร่วมกับพวกของจำเลยฆ่าผู้ตาย จึงเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83และริบของกลาง
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ลงโทษจำคุก 10 ปี คำให้การของจำเลยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อ้างว่าฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนั้น เห็นว่า โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยมีเจตนาเข้าร่วมกับพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายด้วย จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ เป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ถือได้ว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง หาใช่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาไม่ เมื่อปรากฎว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์มาโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของโจทก์