คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับผู้เสียหายราว 1 องคุลี เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 แล้ว การที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายหรือที่ของลับของจำเลยนั้น เป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่เป็นอีกส่วนหนึ่ง ไม่เป็นเหตุให้เห็นว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จ หรือเป็นเพียงขั้นพยายาม

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจกระทำชำเราเด็กหญิงอนงค์จันทร์แจ่มใส อายุ 9 ปี โดยจำเลยใช้กำลังกายจับให้เด็กหญิงอนงค์นอนหงายแล้วจำเลยกระทำชำเราได้สำเร็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 จำเลยอายุกว่า 14 ปี แต่ยังไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 75 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา 277, 80 ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 75 แล้วคงจำคุก 2 ปี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกระทำชำเราสำเร็จหรือเป็นเพียงฐานพยายาม โดยวินิจฉัยว่าการที่จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับของผู้เสียหายราว 1 องคุลีแล้ว กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 แล้ว ส่วนการที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายหรือที่ของลับของจำเลยนั้นเป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่ อีกส่วนหนึ่ง ไม่เป็นเหตุคดีนี้เห็นว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จหรือเป็นเพียงขั้นพยายามพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุ 16 ปีจึงลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี จำเลยถูกขังเกินกำหนดโทษแล้ว จึงให้ปล่อยตัวจำเลยไป

Share