แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีเรื่องลักเล่นการพนันจำเลยขอรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง แต่แล้วได้กล่าวบรรยายในคำให้การต่อไปเป็นความว่าการเล่นรายนี้ก็โดยพนันว่าจะซื้อโคล่ามาเลี้ยงกันรอบวงเท่านั้น และเล่นกันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเอาเงินรวมซื้อโคล่า เช่นนี้ จะฟังว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องยังไม่ได้ซึ่งถ้าหากเป็นความจริงตามที่จำเลยบรรยายไว้ในคำให้การการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นผิดตามฟ้อง กล่าวคือเพียงแต่เล่นพนันเพื่อเอาเงินไปซื้อโคล่ามาเลี้ยงระหว่างกันเท่านั้นไม่ใช่เป็นการพนันเอาทรัพย์สินกันเมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
แม้จำเลยอื่นซึ่งให้การทำนองนี้และมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นพิจารณาพิพากษาว่าไม่มีความผิดด้วยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันเล่นการพนันป๊อก พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นและเข้าเล่นเป็นลูกค้าด้วย จำเลยนอกนั้นเข้าเล่นเป็นลูกค้า พวกยังไม่ได้ตัวมาฟ้องเข้าเล่นเป็นเจ้ามือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จำเลยที่ 3 เคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษยังไม่ครบ 3 ปี ทำผิดคดีนี้อีก มีผู้แจ้งความนำจับขอรับสินบลนำจับขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การทำนองเดียวกันขอรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 3 รับในข้อต้องโทษ แต่แล้วได้กล่าวบรรยายในคำให้การต่อไปเป็นความว่า การเล่นรายนี้ก็โดยพนันว่าจะซื้อโคล่ามาเลี้ยงกันรอบวงเท่านั้น และเล่นกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาเงินรวมซื้อโคล่า
จำเลยนอกนั้นรับสารภาพตามฟ้อง และจำเลยทุกคนไม่คัดค้านค่าสินบลนำจับ
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 12 และจำเลยที่ 3 ผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2485 มาตรา 3 อีกบทหนึ่ง ลดรับตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 กึ่งหนึ่งจำเลยที่ 1 จำคุก 45 วัน ปรับ 250 บาท จำเลยที่ 3 จำคุก 15 วัน ปรับ 150 บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ 100 บาท โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 3 ให้ยกตามมาตรา 40 กฎหมายลักษณะอาญา ของกลางริบ กับให้จำเลยช่วยกันใช้ค่าสินบลนำจับแก่ผู้นำจับคนละกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 แม้ตอนต้นแห่งคำให้การจะขอรับสารภาพ แต่ก็ได้บรรยายต่อไปซึ่งฟังได้เพียงว่า ที่ว่าเล่นการพนันนั้นเพื่อเอาสตางค์มารวมซื้อโคล่ากินกันเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการพนันเอาทรัพย์สินกัน แต่เป็นการเล่นเพื่อเอาของมากินในระหว่างกัน ไม่มีใครได้ไป จึงไม่ถือเป็นผิดตามฟ้อง (อ้างฎีกาที่ 751/2476) และว่าสำหรับจำเลยที่ 3 ก็ให้การทำนองเดียวกับจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ได้อุทธรณ์ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นพิจารณาพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 ไม่มีผิดได้ จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพตามฟ้องยังไม่ได้ เพราะนอกจากจะกล่าวว่าขอรับสารภาพแล้วยังได้บรรยายต่อไป ซึ่งหากเป็นความจริงตามนั้น การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นผิดตามฟ้องกล่าวคือเพียงแต่เล่นพนันเพื่อเอาเงินไปซื้อโคล่ามาเลี้ยงระหว่างกันเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการพนันเอาทรัพย์สินกัน เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้พิพากษายืน