คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรู้ว่า จ. กับพวกจะไปทำร้ายผู้เสียหาย จึงเดินตาม จ.กับพวกไปที่บ้าน ม. ซึ่งผู้เสียหายกำลังซ้อมดนตรีอยู่กับ ม.และพวก จ. กับพวกอีก 2 คน ขึ้นไปบนบ้านและใช้ไม้ตีทำร้ายผู้เสียหาย ส่วนจำเลยยืนดูอยู่เฉย ๆ ข้างล่างห่างที่เกิดเหตุประมาณ 6 – 10 เมตร ไม่ได้แสดงกริยาอาการจะเข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยเป็นพรรคพวกของ จ. และมีเจตนาร่วมกับ จ. ทำร้ายผู้เสียหายมาแต่แรก แม้หลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยจะเดินตาม จ. กับพวกไปก็ตาม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ จ. ทำร้ายผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกอีก ๖ คน ใช้ไม้ ๑ ท่อน ยาวประมาณ ๑ เมตร เป็นอาวุธตีและชกต่อยนายสมมาตร มีแสงผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓, ๓๓ และริบท่อนไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๖๙๗, ๘๓ ลดมาตราส่วนโทษให้แล้ว คงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ไม้ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ส่วนท่อนไม้ให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุจำเลยเดินตามนายจวงกับพวกไปที่บ้านนายมานัส พอไปถึงจำเลยยืนอยู่ข้างล่าง ส่วนนายจวงกับพวกอีก ๒ คนขึ้นไปบนบ้านซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายนายมานัส พลตำรวจสมปอง นายมนู นายชนะ นายคะเน กำลังซ้อมดนตรีกันอยู่ นายจวงถือไม้หนาประมาณ ๒ นิ้ว ยาวประมาณ ๑ เมตร เดินตรงไปที่ผู้เสียหายและใช้ไม้ตีถูกชายโครงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ข้างล่างบนพื้นดินห่างที่เกิดเหตุประมาณ ๖ – ๑๐ เมตร จำเลยยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้แสดงกริยาอาการจะเข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหายและหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยเดินตามนายจวงกับพวกไป แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า จำเลยเป็นพรรคพวกของนายจวงหรือพวกของนายจวงคนใดคนหนึ่งและมีเจตนาร่วมกับนายจวงเพื่อทำร้ายผู้เสียหายมาแต่แรก แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยรู้ว่า นายจวงกับพวกจะไปทำร้ายผู้เสียหายก็ตาม ก็ยังไม่พอที่จะรับฟังเป็นพิรุธแก่จำเลยว่า จำเลยมีเจตนาร่วมกับนายจวงเพื่อทำร้ายผู้เสียหาย
พิพากษายืน.

Share