แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การบังคับคดีตามคำพิพากษานั้น ถ้าสั่งบังคับไปผิดก็ส่งให้แก้ไขให้ถูกต้องตามคำพิพากษาได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลจังหวัดนครปฐมพิพากษาให้ปรับจำเลย ๒๕ บาท ถ้าไม่ใข้ค่าปรับให้จำแทน ๒๕ วันตามพ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ.๒๔๗๒ ม.๕๐ และกฎหมายลักษณอาชญา ม.๕๙-๑๘ คำพิพากษาฉะบับนั้นลงวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๗ และในวันเดียวกันนั้น ศาลจดรายงานไว้ว่าจำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้วให้ปล่อยตัวไปทันที เพราะศาลถือเอาตามฟ้องโจทก์ที่ว่าจำเลยต้องขังมาแต่วันถูกจับมาหักกลบลบกับเงินค่าปรับ โดยปรากฎในฟ้องว่าจำเลยถูกจับเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๗ เป็นอันว่าต้องขังมาเกินค่าปรับนั้นเสียอีก แต่ความจริงจำเลยมีประกันตัวไปตั้งแต่วันถูกจับ และจำเลยก็รับในข้อนี้ เป็นอันว่าโจทก์ได้ทำให้ศาลหลงเชื่อปล่อยจำเลยไป โจทก์จึงได้แถลงขอให้ศาลบังคับจำเลยไปตามคำพิพากษา
ศาลเดิมทำคำสั่งว่าให้จำเลยนำเงินค่าปรับ ๒๕ บาทมาชำระ มิฉะนั้นให้ออกหมายแจ้งโทษจำแทนไปตามคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืน
ศาลฎีกาเห็นว่ารูปคดีนี้หาใช่เป็นคำร้องขอแก้ฟ้องดังจำเลยอ้างไม่ แต่หากเป็นคำร้องขอแก้ฟ้องดังจำเลยอ้างไม่ แต่หากเป็นคำร้องขอให้ศาลบังคับคดีตามคำพิพากษา ถ้าผิดก็แก้ให้ถูกได้จึงตัดสินยืน