คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่า ก.หมิ่นประมาท ชั้นสอบสวนจำเลยให้การเป็นพยานต่อนายตำรวจด้วยข้อความเท็จโดยเจตนาจะช่วย ก.กรณีเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายในฐานความผิดฐานแจ้งความเท็จมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจสามเสนว่านางเพ็กเอ็ง หมิ่นประมาทโจทก์ ในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การเป็นพยานต่อ ร.ต.ต.อรุณเป็นใจความว่า นางเพ็กเอ็ง เพียงแต่ถามจำเลยว่าโจทก์จะแบ่งค่าจ้างให้จำเลยจริงหรือไม่ นายเพ็งเอ็งไม่ได้พูดว่าโจทก์จะแบ่งเงินให้จำเลย ซึ่งเพ็กเอ็งไม่ได้พูดว่าโจทก์จะแบ่งเงินให้จำเลย ซึ่งเป็นความเท็จ อาจทำให้โจทก์และสาธารณชนเสียหาย โดยจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือนางเพ็กเอ็งให้พ้นอาญา ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๗๐,๑๑๘,๑๕๔
ศาลชั้นต้นสั่งว่า “ฟ้องของโจทก์อ่านเข้าใจ เป็นการเคลือบคลุมและโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในฐานความผิดที่ฟ้องกล่าว จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ”
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์พออ่านได้ใจความว่าโจทก์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ และเห็นว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องได้ จึงพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไปตามกระบวนความ

Share