คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ความผิดฐานฉ้อโกง เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกันแล้วย่อมทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี ด้วย อันเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว และความผิดฐานดังกล่าวซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดมิใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์ หรือยอมความกันก็ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานนี้ ระงับไป คงระงับไปเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานให้แก่คนหางานโดยเรียกและรับเงินค่าบริการจากคนหางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย และร่วมกันหลอกลวงนายสิทธิ์หรือโชคอนันต์ สุขแสง นายสุรชัย คงรัมย์ และนายสำราญ ควินรัมย์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดหางานและส่งผู้เสียหายทั้งสามไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ แต่ผู้เสียหายทั้งสามต้องเสียเงินเป็นค่าบริการสมัครงานและค่าใช้จ่ายให้จำเลยกับพวก ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่สามารถส่งผู้เสียหายทั้งสามไปทำงานที่ประเทศดังกล่าวได้ ผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อสมัครไปทำงานที่ประเทศดังกล่าวและมอบเงินให้แก่จำเลยกับพวกคนละ 80,000 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 91, 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี, 82, 30, 4 ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งสามคนละ 80,000 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 3 ปี และมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82 จำคุก 3 ปีรวมจำคุก 6 ปี กับให้จำเลยคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายทั้งสามคนละ80,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82 คงจำคุกจำเลย 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยชดใช้เงินคืนผู้เสียหายทั้งสามจนเป็นที่พอใจ และผู้เสียหายทั้งสามไม่ติดใจเอาความกับจำเลย จึงถอนคำร้องทุกข์และไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป อันเป็นการยอมความกันในความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)และศาลต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาฉ้อโกงหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 91 ตรี อันเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทจึงให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 3 ปี แม้ความผิดฐานฉ้อโกงจะเป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี ด้วยอันเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทศาลได้ลงโทษในความผิดฐานนี้ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 3 ปี และความผิดฐานดังกล่าวมิใช่ความผิดต่อส่วนตัวแม้ผู้เสียหายทั้งสามจะถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 91 ตรี ระงับไปคงระงับไปเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share