คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11223/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์เป็น 2 ฉบับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ใหม่เป็นฉบับเดียวกัน ต่อมาจำเลยทั้งห้านำอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งฉบับใหม่มายื่นต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ หากจำเลยทั้งห้าไม่เห็นพ้องด้วยและประสงค์จะให้มีการรับอุทธรณ์ไว้พิจารณา ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แต่จำเลยทั้งห้าก็มิได้กระทำ กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้านั้น ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่ยุติว่าไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลาได้และเห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งห้า จำเลยทั้งห้าก็มิได้ฎีกาโต้แย้ง จึงมีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นเป็นที่สุด ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง และมาตรา 234 ดังนี้ ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งห้าที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบในเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่และมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าว่าไม่ชอบอย่างไร ก็ไม่อาจมีผลกระทบถึงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าซึ่งถึงที่สุดไปแล้วได้ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งห้าจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 99,082,083 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2540 จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ที่ 2 และให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 จดทะเบียนรับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 34828, 34829 และ 34832 ตำบลสวนหลวง อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร คืนจากโจทก์ที่ 2 ด้วยค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมและค่าภาษีของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 150,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ 2 โดยกำหนดค่าทนายความใช้แทน 500,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ 1 และฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของฟ้องโจทก์ที่ 1 กับจำเลยทั้งห้า และในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ลงวันที่ 19 มกราคม 2549 สองฉบับ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยทั้งห้านำอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งฉบับใหม่มายื่นต่อศาลชั้นต้นแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำพิพากษาและอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งห้านั้น หากจำเลยทั้งห้าไม่เห็นพ้องด้วยและประสงค์จะให้มีการรับอุทธรณ์ไว้พิจารณา จำเลยทั้งห้าก็ชอบที่ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะมีผลให้รับอุทธรณ์ดังกล่าวไว้พิจารณา แต่จำเลยทั้งห้าก็มิได้กระทำ ทั้งคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้านั้น ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดเป็นที่ยุติว่ามิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 และเห็นพ้องด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งห้า ซึ่งจำเลยทั้งห้ามิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านต่อไป จึงมีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้านั้นเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง และมาตรา 234 ดังนั้น ไม่ว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งห้าที่ขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบในเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งห้ายื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่และมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ก็ไม่อาจมีผลกระทบถึงคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นที่สุดไปแล้วได้ ปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งห้า จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัย
ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share